นางปุณฑริกา ใบเงิน กรรมการผู้จัดการ และผู้บริหารสูงสุดด้านการเงิน บริษัท เมืองไทยประกันภัย จำกัด (มหาชน) หรือ MTI เผยถึงผลการดำเนินงานไตรมาส 1/2568 ภายใต้มาตรฐานบัญชีใหม่ TFRS 17 ว่า บริษัทมีกำไรสุทธิ 191.92 ล้านบาท (รวมงบการเงินบริษัทร่วม) กำไรสุทธิลดลงจากงวดเดียวกันปีก่อน 55%ซึ่งเป็นผลมาจาก ค่าใช้จ่ายในการบริการประกันภัยและค่าใช้จ่ายด้านสินไหมทดแทนเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะค่าใช้จ่ายสินไหมที่เกี่ยวกับสินไหมในเหตุการแผ่นดินไหวในช่วงเดือนมีนาคมที่ผ่านมาที่อยู่มในระดับสูงซึ่งบริษัทได้มีการตั้งสำรองสินไหมดังกล่าวไว้แล้ว
ทั้งนี้บริษัทให้ความสำคัญกับการบริหารความเสี่ยง โดยได้มีการทำประกันภัยต่อไว้ ดังนั้นค่าสินไหมที่ต้องจ่ายจากเหตุการณ์แผ่นดินไหว ทั้งจากที่ตั้งสำรอง และรับจากบริษัทประกันภัยต่อนั้นจึงเพียงพอต่อมูลค่าความเสียหายที่บริษัทได้ประเมินไว้
โดยสะท้อนจากตัวเลขงบการเงินไตรมาส 1/2568 ในรายการรายรับสุทธิจากเอาประกันภัยต่อที่ถือไว้ 3,039 ล้านบาท ซึ่งสูงกว่าช่วงเดียวกันปีก่อนที่ 1,988% จากการที่ MTI มีการเอาประกันภัยต่อ ทำให้สามารถเรียกเก็บสินไหมรับคืน จากบริษัทประกันภัยต่อได้
ขณะที่รายได้จากการรับประกัน (Insurance service Revenue) อยู่ที่ 4,744 ล้านบาท โต 4.6% สอดคล้องกับเบี้ยประกันภัยรับที่เติบโตขึ้นในช่วงเวลาดังกล่าว ทางด้านค่าใช้จ่าย (Insurance Service Expense) อยู่ที่ 7,521 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 96.96% โดยผลกระทบหลักๆ ที่ทำให้ค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นมาจากสินไหมแผ่นดินไหว ส่งผลให้ผลการดำเนินงานจากการรับประกันภัย (Total Insurance Service Result) ของ MTI อยู่ที่ 262 ล้านบาท ลดลง 52%
ทั้งนี้ MTI ยังได้จัดทำผลการดำเนินงานไตรมาส 1/2568 ในรูปแบบมาตรฐานบัญชีแบบเดิมคือ TFRS 4 นั้น MTI มีเบี้ยประกันภัยรับรวม งวด 3 เดือนแรก อยู่ที่ 5,101.54 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 261.09 ล้านบาท หรือ 5.39% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อนที่เบี้ยประกันภัยรับรวมอยู่ที่ 4,840.45 ล้านบาท
ในส่วนของเบี้ยประกันที่ถือเป็นรายได้สุทธิ อยู่ที่ 2,908.83 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4.67% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน อัตราสินไหมสุทธิ (หักค่าสินไหมทดแทนที่ได้รับคืนจากประกันภัยต่อ) ต่อเบี้ยประกันภัยที่ถือเป็นรายได้สุทธิอยู่ที่ 54.89% ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนซึ่งอยู่ที่ 58.27% ส่งผลให้กำไรก่อนหักภาษีเพิ่มขึ้น 12.14%
ทางด้าน นายวาสิต ล่ำซำ กรรมการผู้จัดการ และผู้บริหารสูงสุดด้านการขายและการตลาด การเงิน บริษัท เมืองไทยประกันภัย จำกัด (มหาชน) หรือ MTI กล่าวว่า MTIยังเชื่อว่าจะสามารถสร้างการเติบโตได้ไม่น้อยกว่า หรือใกล้งเคียงกับอุตสาหกรรมประกันวินาศภัย แม้สถานการณ์ปัจจุบันจะเห็นถึงการชะลอตัวของตัวเลขยอดขายรถใหม่ ความเข้มงวดในการปล่อนยสินเชื่อของสถาบันการเงิน ที่สะท้อนการชะลอตัวทางเศรษฐกิจ
“จากสภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบันเราจึงเน้นเรื่องการควบคุมต้นทุน พร้อมกับให้ความระมัดระวังเรื่องการบริหารความเสี่ยง หลังจากต้นปีเราเผชิญกับเหตุการณ์แผ่นดินไหวในไทย ทำให้เราต้องเตรียมความพร้อมในการบริหารความเสี่ยงผ่านการทำประกันภัยต่อให้เพียงพอ”
สำหรับตัวเลขจากสมาคมประกันวินาศภัย คาดว่า ปี 2568 อุตสาหกรรมประกันวินาสภัยมีแนวโน้มขยายตัวเพิ่มขึ้นราว 1.5- 2.5% จากปี 2567 ด้วยตัวเลขเบี้ยรับตรงที่ประมาณ 291,240-294,100 ล้านบาท
เว็บไซต์นี้มีการจัดเก็บคุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของคุณให้ดียิ่งขึ้น การใช้งานเว็บไซต์นี้เป็นการยอมรับข้อกำหนดและยินยอมให้เราจัดเก็บคุ้กกี้ตามนโยบายความเป็นส่วนตัวของเรา อ่านเพิ่มเติม