PTT กสิกรไทย จับตาแปลงสินทรัพย์เป็นเงินสด 1.5 หมื่นลบ.ในครึ่งปีหลัง

#PTT #ทันหุ้น-บล.กสิกรไทย ออกบทวิเคราะห์หุ้นบริษัท ปตท. จำกัด(มหาชน) หรือ PTT หลังจากเข้าร่วมประชุมนักวิเคราะห์ ซึ่ง PTT จะเดินหน้ากลยุทธ์แปลงสินทรัพย์เป็นเงินสด คาดได้เงิน 1.5 หมื่นล้านบาท และมีกำไรพิเศษ 8 พันล้านบาท ในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ จากกำไรขายสินทรัพย์และการปรับมูลค่ายุติธรรม โดยแนะนำซื้อให้ราคาเป้าหมายกลางปี 2569 ที่ 33.80 บาท มองว่ามีความผันผวนของกำไรที่ค่อนข้างต่ำ อัตราผลตอบแทนเงินปันผลที่สูง 6-7% และมูลค่าหุ้นล่าสุดที่ซื้อขายด้วย PBV ที่ 0.74 เท่า ยังต่ำกว่าช่วงวิกตโควิด-19 ในปี 2563 ซึ่งอยู่ที่ 0.84 เท่า

ฝ่ายวิจัยกสิกรไทย ระบุว่า ผู้บริหาร PTT เปิดเผยว่าบริษัทมีแผนที่จะรับรู้กำไรพิเศษอย่างน้อย 8 พันล้านบาท และเงินสด 1.5 หมื่นล้านบาท ในช่วงครึ่งหลังปี 2568 ผ่านการแปลงสินทรัพย์เป็นเงินสด ซึ่งจะมาจากการกำไรการขายสินทรัพย์และการปรับมูลค่ายุติธรรม โดยในระดับบริษัทย่อย กลยุทธ์นี้จะเกี่ยวข้องกับการแยกสินทรัพย์โครงสร้างพื้นฐาน เช่น หน่วยผลิตไฟฟ้า คลัง และหน่วยสนับสนุนอื่นๆ ออกเป็นบริษัทหรือหน่วยธุรกิจใหม่ จากนั้นจึงขายสินทรัพย์ดังกล่าวให้ผู้ซื้อและเช่ากลับมาเพื่อให้การดำเนินงายังคงดำเนินต่อได้อย่างราบรื่น โดย PTT อาจเป็นผู้ซื้อสินทรัพย์ดังกล่าวเอง โดยคาดหวังผลตอบแทนการลงทุนราว 6%

นอกจากนี้ PTT วางแผนลดการลงทุนธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับยานยนต์ไฟฟ้า (EV) และหันไปเน้นการลงทุนในธุรกิจการดักจับและกักเก็บคาร์บอน (CCS) และก๊าซธรรมชาติเหลว(LNG) ในต่างประเทศแทน โดยจะหาโครงการลงทุน CCS ในต่างประเทศ เพื่อเป็นโครงการนำร่องเพื่อเร่งการเรียนรู้ในธุรกิจที่ลดการปล่อยคาร์บอนนี้ ขณะที่แผนการลงทุนใน LNG ในต่างประเทศมีเป้าหมายที่จะเป็นผู้เล่นหลักในตลาด LNG ระดับโลก ซึ่ง PTT ต้องการขยายปริมาณการขายอีก 10 ล้านตันต่อปี จากปัจจับันที่มีการขาย LNG ในประเทศ 11 ล้านตันต่อปี

และผู้บริหาร PTT คาดว่าจะสามารถสรุปข้อตกลงกับพันธมิตรเชิงกลยุทธ์สำหรับบริษัทลูกในเครือปิโตรเคมีและโรงกลั่นได้ภายในสิ้นปีนี้ โดย ณ ปัจจุบันอยู่ระหว่างการหารือกับพันธมิตรที่มีศักยภาพ 3 กลุ่ม ได้แก่ 1. ผู้ผลิตน้ำมัน 2. ผู้เล่นหลักในตลาด และ 3. ผู้ค้ารายใหญ่ ซึ่งผู้บริหารระบุว่าราคาเสนอขายสำหรับพันธมิตรเชิงกลยุทธ์รายใหม่จะสะท้อนมูลค่าในระยะยาว และเป็นประโยชน์ร่วมกันกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกฝ่าย