#bh #ทันหุ้น - ความเคลื่อนไหวราคาหุ้นของบริษัท โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BH วันที่ 22 พ.ค. ราคาลดลงมากกว่า 3% ราคาปิดการซื้อขายช่วงเช้าที่ 153 บาท ลดลง 5.50 บาท หรือลดลง 3.47% มูลค่าการซื้อขาย 419 ล้านบาท
.
บล.บัวหลวงออกบทวิเคราะห์วันที่ 22 พ.ค. ระบุว่า BH เผชิญการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้าง โดยรายได้จากตะวันออกกลางลดลงเหลือ 18% ในไตรมาส 1/68 จากระดับ 25–30% ในอดีต ขณะที่ผู้ป่วยจากกาตาร์ลดลง 24% YoY ในขณะที่คู่แข่งมีส่วนแบ่งเพิ่มขึ้น บ่งชี้ถึงการสูญเสียความสามารถในการแข่งขัน
ด้วยแนวโน้มไตรมาส 2/68 ที่ยังอ่อนแอ และจำนวนผู้ป่วยต่างชาติที่ลดลง บล.บัวหลวงจึงปรับลดประมาณการและลดคำแนะนำเป็น “ขาย” เนื่องจากความกังวลเชิงโครงสร้าง
.
การเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้าง หรือเพียงแค่ผลกระทบตามฤดูกาล?
บล.บัวหลวงมองว่า BH กำลังเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างอย่างมีนัยสำคัญ จากข้อมูลในอดีต รายได้จากผู้ป่วยตะวันออกกลางคิดเป็น 25–30% ของรายได้รวม แต่ขณะนี้บล.บัวหลวงไม่คาดว่าระดับรายได้จากกลุ่มนี้จะกลับไปยังระดับเดิมได้อีก
ในไตรมาส 1/68 รายได้จากผู้ป่วยตะวันออกกลางอยู่ที่ 1.1 พันล้านบาท หรือเพียง 18% ของรายได้รวม ลดลง 31% YoY และ 24% QoQ แม้ส่วนหนึ่งของการลดลงจะมาจากช่วงเทศกาลรอมฎอน ซึ่งโดยปกติการเดินทางเพื่อการแพทย์ออกนอกประเทศจะลดลง และผู้ป่วยจากคูเวตที่ลดลงอย่างมาก (จาก 5% ของรายได้รวม เหลือน้อยกว่า 1% ในปี 2567) แต่รายได้ที่ลดลง YoY บ่งชี้ถึงการเปลี่ยนแปลงในระดับโครงสร้างที่ลึกกว่านั้น
การเปลี่ยนแปลงที่น่าสังเกตมากที่สุดคือผู้ป่วยจากกาตาร์ ซึ่งเคยเป็นกลุ่มหลักของ BH ในกลุ่มตะวันออกกลาง โดยอาจมีสัดส่วนสูงถึง 50% ของกลุ่มนี้ แต่ในไตรมาส 1/68 รายได้จากผู้ป่วยกาตาร์ลดลง 24% YoY แม้จะมีปัจจัยจากรอมฎอน แต่เมื่อเปรียบเทียบกับกลุ่มฯ กลับพบว่า BDMS รายงานรายได้จากกาตาร์เพิ่มขึ้น 56% YoY และ PR9 รายงานเพิ่มขึ้นมากกว่า 100% YoY ความแตกต่างนี้ชี้ให้เห็นว่า BH กำลังสูญเสียส่วนแบ่งตลาด ไม่ใช่แค่ได้รับผลกระทบตามฤดูกาล
.
ผู้ป่วยกาตาร์หายไปจาก BH – ทำไม?
บล.บัวหลวงมองว่าการลดลงของผู้ป่วยจากกาตาร์เกิดจาก 2 ปัจจัยหลัก ได้แก่:
งบประมาณรัฐบาลที่ตึงตัวขึ้นจากราคาน้ำมันที่อ่อนตัว:
ประเทศในตะวันออกกลางยังคงพึ่งพารายได้จากน้ำมันและก๊าซในการใช้จ่ายภาครัฐ รวมถึงการส่งผู้ป่วยไปรักษาในต่างประเทศ ราคาน้ำมันดิบ Brent ลดลงกว่า 15% ตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบัน และ 22% YoY ส่งผลให้รัฐบาลต้องเข้มงวดมากขึ้นกับงบประมาณด้านสาธารณสุข และหันไปพิจารณาทางเลือกที่มีต้นทุนต่ำลง หรือใช้การรักษาในประเทศ ซึ่งอาจหมายถึงการประเมินใหม่ของโรงพยาบาลที่มีต้นทุนสูงอย่าง BH
.
ต้นทุนการรักษาที่สูงขึ้นของ BH:
BH ปรับขึ้นราคาค่ารักษาพยาบาลมากกว่า 15% ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา (เพิ่ม 6.6% ในปี 2566, 4% ในปี 2567 และ 4% ในปี 2568) แม้การปรับขึ้นอาจสะท้อนต้นทุนเงินเฟ้อและการยกระดับการดำเนินงาน แต่ก็ส่งผลให้ความสามารถในการแข่งขันของ BH ต่อผู้ป่วยที่รัฐสนับสนุนลดลง ขณะที่หน่วยงานส่งต่ออย่างกระทรวงสาธารณสุขของกาตาร์ให้ความสำคัญกับความคุ้มค่ามากขึ้น จึงเลือกใช้โรงพยาบาลอย่าง BDMS และ PR9 ที่เสนอราคาที่เหมาะสมกว่า
.
แนวโน้มไตรมาส 2/68 คาดอ่อนตัวต่อเนื่อง
บล.บัวหลวงคาดกำไรหลักของ BH ในไตรมาส 2/68 จะอยู่ที่ 1.65 พันล้านบาท ลดลง 15% YoY และ 5% QoQ
รายได้คาดว่าจะอยู่ที่ 6.0 พันล้านบาท (ลดลง 5%YoY และ 2.5% QoQ) โดยอัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ 50.0% ลดลง 2.1% YoY และ 0.3% QoQ เพื่อสะท้อนถึงจำนวนผู้ป่วยต่างชาติที่ยังอ่อนแอ โดยเฉพาะจากตะวันออกกลาง
บล.บัวหลวงจึงปรับลดประมาณการกำไรหลักปี 2568 ลง 7% เหลือ 6.7 พันล้านบาท (ลดลง 14% YoY) และปรับลดประมาณการกำไรปี 2569 ลง 7% เหลือ 6.8 พันล้านบาท (เพิ่มขึ้น 2% YoY) บล.บัวหลวงคาดว่าตลาดจะมีการปรับประมาณการกำไรปี 2568–2569 ลงประมาณ 8–10%
บล.บัวหลวงปรับลดคำแนะนำเป็น “ขาย”: สัญญาณเตือนเชิงกลยุทธ์เริ่มชัดเจน
ผู้ป่วยจากกาตาร์ที่ลดลง ซึ่งเคยเป็นรากฐานสำคัญของรายได้จากตะวันออกกลางของ BH ควรถูกมองว่าเป็นสัญญาณเตือนในเชิงกลยุทธ์ แม้ช่วงรอมฎอนจะมีผลบ้าง แต่ขนาดของการลดลง โดยเฉพาะเมื่อคู่แข่งกลับได้ส่วนแบ่งเพิ่ม แสดงถึงการเสื่อมถอยของความสามารถในการแข่งขันเชิงโครงสร้างของ BH เว้นแต่ BH จะสามารถปรับราคาให้เหมาะสม หรือฟื้นความสัมพันธ์กับหน่วยงานผู้ส่งต่อได้ บล.บัวหลวงคาดว่าจำนวนผู้ป่วยจะยังคงลดลงต่อเนื่อง
ตามประมาณการใหม่ บล.บัวหลวงปรับลดราคาเป้าหมาย ณ สิ้นปี 2568 ลงเหลือ 150 บาท คิดเป็น Forward P/E ที่ 17.8 เท่า (ต่ำกว่าเฉลี่ยระยะยาว 2 ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน) และบล.บัวหลวงปรับลดคำแนะนำจาก “ถือ” เป็น “ขาย” เพื่อสะท้อนปัจจัยพื้นฐานที่อ่อนแอลงและความเสี่ยงด้านมูลค่า
.
บล.กสิกรไทย คงคำแนะนำ "ถือ" ด้วยราคาเป้าหมายที่ 177 บาท ลดลงจากเดิมที่ 181 บาท จากการปรับลดประมาณการกำไร แนวโน้มรายได้และกำไรไตรมาส 2/68 ยังไม่ฟื้นตัว
แม้จะผ่านช่วงเดือนรอมฏอนไปแล้ว แต่แนวโน้มรายได้จากคนไข้ต่างชาติยังคงอ่อนแอ เนื่องจากความซับซ้อนของโรคต่ำ ซึ่งไม่สามารถชดเชยด้วยจำนวนคนไข้ที่เพิ่มขึ้น ขณะที่รายได้จากดลาดใหม่ยังต้องใช้เวลา และการฟื้นตัวของรายได้จากเมียนมาอาจไม่ยั่งยืน
ผู้บริหารเชื่อว่า BH มีความเสี่ยงต่ำต่อภาวะเศรษฐกิจไทยที่อ่อนแอและผลกระทบจากระบบ copayment เนื่องจาก BH มีโครงสร้างรายได้ที่กระจายจากประเทศต่างๆนอกจากไทย เน้นการรักษาโรคซับซ้อนและฐานคนไข้ที่ไม่อ่อนไหวต่อราคา
เว็บไซต์นี้มีการจัดเก็บคุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของคุณให้ดียิ่งขึ้น การใช้งานเว็บไซต์นี้เป็นการยอมรับข้อกำหนดและยินยอมให้เราจัดเก็บคุ้กกี้ตามนโยบายความเป็นส่วนตัวของเรา อ่านเพิ่มเติม