#SSP #ทันหุ้น – SSP เผยโครงการที่ดำเนินการแล้ว 285 เมกะวัตต์ ตามสัดส่วนการลงทุน ประกอบกับยังมีโครงการใหม่ 15 โครงการ ราว 410 เมกะวัตต์ ทยอย COD ตั้งแต่ปลายปี 2568 ต่อเนื่องไปจนถึงปี 2573 เดินหน้าทุ่มงบ 7 พันล้านบาท ปั้นโครงการใหม่-อัพเกรดโรงไฟฟ้าเดิม เสริมแกร่งรับทรัพย์เพิ่ม

นายชยุตม์ หลีหเจริญกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายงานบัญชีและการเงิน บริษัท เสริมสร้าง พาวเวอร์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ SSP เปิดเผยว่า ปัจจุบันบริษัทมีโครงการที่ดำเนินการแล้ว 285 เมกะวัตต์ ตามสัดส่วนการลงทุน ประกอบกับยังมีโครงการใหม่ 15 โครงการ ราว 410 เมกะวัตต์ โดยเป็นโครงการโซลาร์ฟาร์มรวม 188 เมกะวัตต์, โครงการวินด์ฟาร์มรวม 204 เมกะวัตต์, โครงการโรงไฟฟ้าขยะชุมชน 17 เมกะวัตต์ ที่ทยอยเปิดขายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ (COD) ตั้งแต่ปลายปี 2568 ต่อเนื่องไปจนถึงปี 2573

โดยในส่วนของโครงการแรกที่จะเริ่ม COD ช่วงปลายปีนี้นั้น ได้แก่ โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์“LEO 2” ขนาด 22 เมกะวัตต์ ในประเทศญี่ปุ่น ปัจจุบันการก่อสร้างถือว่าคืบหน้าค่อนข้างและเร็วกว่าเดิม ทำให้คาดว่าจะเริ่มเปิดดำเนินการได้ในเดือนตุลาคม 2568 จากเดิมในช่วงปลายปีนี้ ทำให้สามารถรับรู้รายได้จากการขายไฟฟ้าเพิ่มสูงขึ้น และเป็นแรงสนับสนุนภาพรวมของบริษัทอีกทางหนึ่ง

นอกจากนึ้ ในการขยายการลงทุนโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทนผ่านการลงทุนซื้อกิจการ (M&A) ที่อยู่ในแผนและกลยุทธ์ของบริษัท เพื่อเสริมสร้างการเติบโตของบริษัทให้ดียิ่งขึ้น นอกเหนือ จากโครงการโรงไฟฟ้าที่พัฒนาด้วยตนเอง (กรีนฟิลด์) เพราะมองว่าจะสามารถให้ผลตอบแทนที่สูง รวมทั้งยังกลายเป็นประเด็นที่ช่วยเสริมสร้างความแข็งแกร่งในอนาคตต่อไป

*ควักงบอัพฐานเพิ่ม

นายชยุตม์ กล่าวเสริมว่า ในแง่งบลงทุนปี 2568 บริษัทวางไว้ประมาณ 6-7 พันล้านบาท แบ่งเป็น การพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลม “บาโก” ประเทศฟิลิปปินส์ ขนาดกำลังการผลิตติดตั้ง 150 เมกะวัตต์, โครงการโรงไฟฟ้าในไต้หวัน, โรงไฟฟ้าขยะชุมชน ฯลฯ ประกอบกับดำเนินการปรับปรุง ประสิทธิภาพการผลิต(Repowering) โครงการโรง ไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ SPN ในจังหวัดลพบุรี เพื่อช่วยเพิ่มศักยภาพการผลิตไฟฟ้าได้ราว 30% (คาดดำเนินการเสร็จไตรมาส 3/2568) และอื่นๆ หวังขยายฐานธุรกิจและเสริมศักยภาพการดำเนินงานให้ดียิ่งขึ้น

นอกจากนี้ บริษัท SSP ยังคงดำเนินการโครงการซื้อหุ้นคืนของบริษัทเพื่อบริหารทางการเงิน(Treasury Stock) วงเงินไม่เกิน 200 ล้านบาท จำนวนหุ้นซื้อคืนไม่เกิน35 ล้านหุ้น หรือ 2.73% ของหุ้นจำหน่ายได้แล้วทั้งหมด หลังช่วงที่ผ่านมาทางคณะกรรมการบริษัท (บอร์ด) ได้อนุมัติ Treasury Stock  ซึ่งโครงการดังกล่าวจะมีกรอบระยะเวลาต่อเนื่องจนถึงช่วงวันที่ 17 สิงหาคม 2568

*เคาะเป้าหมาย 7.50 บาท

บริษัทหลักทรัพย์ ดาโอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ระบุถึง SSP ว่า กำไรปกติไตรมาส 1/2568 คิดเป็น 29% ของประมาณการกำไรปกติปี 2568 ที่ 790 ล้านบาท (-4% YoY) เบื้องต้นยังคงประมาณการดังกล่าว โดยมีปัจจัยกระทบคือโครงกำร SPN ซึ่งหมด Adder ไปในไตรมาส 1/2568

อย่างไรก็ตามได้รับชดเชยในส่วนของการรับร้รายได้จากการเข้าถือหุ้นโครงการ Windchai เพิ่มเติมเต็มปี, โครงการ SNP ที่คาดว่าจะผลิตไฟได้มากขึ้นหลังการปรับปรุง, และการ COD โครงการ LEO 2 (16MW) ในไตรมาส 4/2568 (ประเมินแนวโน้มไตรมาส 2/2568 อ่อนตัว QoQ จากปัจจัยฤดูกาล ก่อนฟื้นตัวในช่วงครึ่งปีหลังจากการปรับปรุงประสิทธิโครงกร SPN, การซ่อมสายส่งโครงการ TTTV แล้วเสร็จ และการ COD โครงกำร LEO 2) ราคาเป้าหมาย 7.50 บาท อิง DCF (WACC 5.7%, TG 0%) ทั้งนี้ Key catalyst คือการได้โครงการใหม่เพิ่มเติมทั้งในและต่างประเทศ