เคาะ BCH

#BCH#ทันหุ้น-แนวโน้ม 2Q/68 คาดกำไรมีโอกาสเติบโตได้ดี YoY แม้ว่าจะยังได้รับผลกระทบ Low season จากวันหยุดที่เยอะในไตรมาสนี้ โดยการเติบโตได้ปัจจัยหนุนมาจากช่วงรอมฎอนที่จบไปช่วง 1Q/68 แล้ว ปริมาณฝนตกที่เยอะ ประกอบกับโควิดที่ระบาด ส่งผลให้มีจำนวนผู้ป่วยเพิ่มขึ้น ด้าน MOU โรคหัวใจและหลอดเลือดที่หมดไปช่วงปลายปีที่แล้ว (ปีก่อน 5 โรค) แล้วปรับอัตราจ่ายลงมาเหลือ 12,000 บาทต่อ 1 AdjRW คาดจะกลับมาจ่าย 15,000 บาทต่อ 1 AdjRW ตั้งแต่ช่วง เม.ย. นี้

ช่วง 2H/68 แนวโน้มยังคงเติบโตได้ดี YoY โดยมองโมเมนตัมการเติบโตยังเพิ่มขึ้นทั้งจากผู้ป่วยชาวไทย และต่างชาติ โดยผู้ป่วยต่างชาติยังเห็นการเติบโตที่ดีในกลุ่มผู้ป่วย ลิเบีย อเมริกา บังกลาเทศ และจีน ขณะที่แนวโน้มการดำเนินงานที่ เกษมราษฎร์ เวียงจันทน์ ปัจจุบันอยู่ระหว่างการได้รับรองมาตรฐาน JCI ซึ่งมองว่าหลังมีการได้รับรองมาตรฐานดังกล่าวแล้วจะช่วยให้การดำเนินงานเติบโต รองรับผู้ป่วยต่างชาติ ในประเทศลาวได้เพิ่มขึ้น

ด้านพัฒนาการ เกษมราษฎร์ปทุมธานี มีการดำเนินงานที่ดีขึ้นตามการรีแบรนด์ จากการุญเวชปทุมธานี และคาดการปรับปรุงทั้งหมดจะแล้วเสร็จในช่วง 3Q/68 นี้ ด้าน Kasemrad Plastic Surgery จะมีการขยายเพิ่มจาก 2 ศูนย์ที่มีอยู่ในปัจจุบัน เป็น 5 ศูนย์ในปีนี้ ด้านผู้ป่วยคูเวตเห็นการฟื้นตัวในกลุ่ม self-pay กลับเข้ามา (แต่จะเป็นรายได้ในส่วนของ OPD ไม่ใช่ IPD คิดเป็นสัดส่วนรายได้ 0.5%) โรงพยาบาลที่ใกล้ชายแดนทั้ง แม่สาย และอรัญประเทศ การดำเนินงานดีขึ้นเห็นการเพิ่มขึ้นในกลุ่มคนไข้ CLMV และด้านผลกระทบจากรายได้ผ่าตัดกระเพาะมีไม่มากนัก เนื่องจากเดิมรายได้คิดเป็นสัดส่วนเพียง 1%ของรายได้รวมเท่านั้น

ส่งผลให้ทั้งปีผู้บริหารมองการเติบโตของรายได้ที่ 8-10% สอดคล้องกับประมาณการเดิมของรายได้ที่ทำไว้ที่ 12,855 ล้านบาท หรือ +9.0% และกำไรสุทธิ 1,413 ล้านบาท หรือ +10.2% ซึ่งงวด 1Q/68 รายได้และกำไรสุทธิคิดเป็น 22.7% และ 22.7% ของประมาณการทั้งปี

ยังคงคำแนะนำ “ซื้อ” ที่ราคาเหมาะสม 21.70 บาท (ด้วยวิธี Discounted Cash Flow ที่ WACC = 7.8% และ Terminal growth = 3%) โดยเรายังคงมีมุมมองที่เป็นบวกในปี 68 หลังมีการการรันตีการจ่ายค่า AdjRW≥2 ที่ 12,000 บาท ประกอบกับฐานผู้ประกันตนที่สูงขึ้น และรายได้จากคนไข้ต่างชาติที่เพิ่มขึ้น ด้านราคาที่ปรับตัวลงมา 13.6%YTD ปรับตัวลงมาค่อนข้างมากโดยที่ปัจจัยพื้นฐานไม่เปลี่ยนแปลงมากนัก เป็นจังหวะในการซื้อสะสม ระยะกลาง-ยาว

แนะนำ “เคาะ” ครับ ทางด้านปัจจัยเทคนิค แนวโน้มการแกว่งตัวหรือการเรียงตัวแท่งเทียนรูปแบบ V-Shape ขายขึ้น แนวรับระหว่างวันเน้นยืนSMA5วัน 13.60 แนวรับหลัก Neck Line และแนวรับจิตวิทยา 13.00 เป็นแนวรับจุดพิจารณารูปแบบไม่ควรต่ำกว่า แนวต้าน SMA13วัน 14.20 ผ่านยืนเป็นสัญญาณซื้อยืนยันรูปแบบ

คำแนะนำ ASL

กรณี “มีหุ้น” ถือหรือซื้อเพิ่ม มีโอกาสทดสอบแนวต้าน 14.20/14.90/15.30

กรณี “ไม่มีหุ้น” ซื้อระยะสั้นเน้นยืนแนวรับ 13.60/13ไม่ควรต่ำกว่า