#ทันหุ้น-ตลาดหุ้นไทยเมื่อวานปรับตัวเพิ่มขึ้นกลับขึ้นไปเคลื่อนไหวเหนือระดับ 1,140 หลังจากปรับตัวลดลงเข้าใกล้แนวรับที่ 1,120-1,125 ทำให้แนวโน้มในระยะสั้นยังมีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้นไปทดสอบแนวต้านที่ 1,150-1,160 เป็นแนวต้านสำคัญ
สำหรับหุ้นที่น่าสนใจวันนี้ คือ CPAXT หรือ บริษัท ซีพี แอ็กซ์ตร้า จำกัด (มหาชน) ดำเนินธุรกิจค้าส่งสินค้าอุปโภคบริโภค ภายใต้ชื่อ "Makro" และ ธุรกิจค้าปลีกสินค้าอุปโภคบริโภค ภายใต้ชื่อ "Lotus's" และธุรกิจบริหารพื้นที่เช่าศูนย์การค้า
CPAXT ผู้นำธุรกิจค้าส่งค้าปลีก "แม็คโคร-โลตัส" รายงานผลประกอบการไตรมาส 1 ของปี 2568มีรายได้รวม 129,950 ล้านบาท บริษัทมีรายได้รวม-กำไรสุทธิในไตรมาส 1/68เติบโตขึ้นจากไตรมาสเดียวกันเมื่อปีก่อน ขณะที่ บริษัทจะทยอยรับรู้ผลประโยชน์จากการควบรวมบริษัท ระหว่างแม็คโคร และโลตัส (Gross Synergistic Value)ซึ่งวางเป้าหมายไว้ที่ 5,200 ล้านบาท หรือ 1% ของรายได้รวม คาดรับรู้ตลอดปี 68- 69 โดยในไตรมาส 1/68 ทำได้ 23% ของเป้าหมายปี 68 ที่ 2,500ล้านบาท โดยการทำรายการร่วมกันอาทิ การสั่งซื้อ การผลิตสินค้าร่วมกัน การเจรจาต่อรองเงื่อนไขการค้าเพื่อขยายอัตรากำไรขั้นต้นรวมไปถึงแผนการลดต้นทุนและค่าใช้จ่าย ซึ่งเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ ซึ่งคาดว่า จะเร่งตัวมากขึ้นในอีก 2-3ไตรมาสหน้าซึ่งจะส่งผลเชิงบวกต่อกำไรก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) อย่างชัดเจน
ขณะที่กำไรสุทธิทำไปได้ 2,643 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6.5% จากปีก่อน ซึ่งเป็นผลจากกลยุทธ์ปรับพอร์ตสินค้าเพื่อขับเคลื่อนการเติบโต โดยเพิ่มสัดส่วนอาหารสดที่ทำยอดขายได้มากขึ้น 10.1%จากปีก่อน มูลค่า 4.6 หมื่นล้านบาท และสินค้าประเภท Private Label ที่ทำยอดขายได้เพิ่มขึ้น 4.4% จากไตรมาส 1/67 มูลค่า 1.9 หมื่นล้านบาท
ค้าส่งมีกำไรเบื้องต้น 8,415ล้านบาทในไตรมาส 1/68 โตขึ้น 10.3% จาก 7,630 ล้านบาท ในไตรมาสเดียวกันของปีก่อน และค้าปลีกมีกำไรเบื้องต้น 9,668 ล้านบาทในไตรมาส 1/68 โตขึ้น 2.8% จาก 9,400ล้านบาท ในไตรมาสเดียวกันของปีก่อน
ทั้งนี้ ซีพี แอ็กซ์ตร้า ยังตอกย้ำความสำเร็จในการเป็นผู้นำเทคโนโลยีค้าปลีก (Retail Tech) ที่แข็งแกร่งในระดับภูมิภาค โดยเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา Euromonitor International ได้จัดอันดับ Makro PRO เป็นแพลตฟอร์ม Grocery E-Commerce อันดับ 1ของประเทศไทย ด้วยส่วนแบ่งตลาดยอดขายในปี 2567 ที่ 39.5% ในขณะที่ Lotus's SMART App มีส่วนแบ่งตลาดยอดขายตามมาเป็นอันดับ 2 ที่ 19.5% จากตลาด Grocery E-Commerce ของประเทศไทยซึ่งมีมูลค่า 64,000 ล้านบาท
นางสาวภัทรวัลล์ สุกปลั่ง ผู้อำนวยการฝ่ายนักลงทุนสัมพันธ์ บมจ.ซีพี แอ็กซ์ตร้า [CPAXT] กล่าวว่า ทิศทางไตรมาส 2/68 คาดเติบโตต่อเนื่องเมื่อเทียบไตรมาสเดียวกันของปีก่อน แต่เมื่อเทียบกับไตรมาส 1/68อัตราเติบโตอาจจะชะลอลงบ้างตามฤดูกาล อย่างในจังหวัดท่องเที่ยว และมีปัจจัยเรื่องสภาพอากาศที่ฤดูร้อนสั้นมากกระทบกับกลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้า เครื่องดื่ม แต่ถือว่ายังเติบโตได้ และไม่ได้รับผลกระทบมากนักจากยอดตัวเลขนักท่องเที่ยวที่ลดลง โดยตัวเลขยอดขายในเดือน พ.ค.ยังดีกว่า เม.ย.
บริษัทมีแผนเปิดสาขาโลตัส-แม็คโครต่อเนื่องในปี 68 รวมถึงขยายและปรับปรุงสาขาเดิม โดยมุ่งเน้นขยาย Lotuss Go Fresh สาขาใหม่ที่มีพื้นที่ขายมากกว่า 300 ตารางเมตร หลังพบว่าสาขาขนาดใหญ่ขึ้นสามารถถึงจุดคุ้มทุนได้เร็วกว่าสาขาขนาดเล็ก เพราะสัดส่วนสินค้าที่หลากหลายขึ้น เช่น อาหารสดและเครื่องใช้ไฟฟ้า เป็นต้น ซึ่งทั้ง 14 สาขาที่เพิ่งเปิดไปในไตรมาส 1/68 ก็มีพื้นที่การขายมากกว่า 300 ตารางเมตรหมด รวมไปถึงเร่งการขยาย Lotuss Go Fresh ที่จะเป็นหัวหอกในการขยายการขายสินค้าสดใกล้บ้านซึ่งเน้นขายอาหารสดถึง 40%
ในปี 68 บริษัทมีแผนเพิ่มพื้นที่การค้าผ่านแม็คโครและโลตัสสาขาใหม่อย่างต่อเนื่อง ซึ่งในไตรมาส 1/68 ได้มีการเปิดแม็คโครสาขาใหม่ไปแล้ว 1 แห่ง ที่อำเภอบ้านบึง จังหวัดชลบุรี และได้เปิดร้านสะดวกซื้อโลตัสหรือ Lotuss Go Fresh ไป 14 สาขา โดยจะมีแม็คโครอีก 8 สาขา ห้างโลตัสขนาดใหญ่ 3 สาขา โลตัสซูเปอร์มาร์เก็ต 7 สาขา และ Lotuss Go Fresh อีก 200 สาขา ที่จะเตรียมเปิดในปีนี้ทั้งหมด
ทั้งนี้ แผนในการพัฒนาพื้นที่เช่าของ CPAXT ประกอบไปด้วย
- การขยายพื้นที่ร้านค้า ทั้งในสถานที่เดิมและผ่านการจัดตั้งสาขาใหม่ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำกำไร ทั้งหมด 69สาขาจากแผนพัฒนาพื้นที่การค้าปี 67-69 ปัจจุบันเสร็จไปแล้ว 15 แห่ง
- การปรับปรุงประสบการณ์ร้านค้าให้หลายหลากขึ้น เหมาะสมสำหรับความต้องการในชุมชน เพื่อปลูกฝังความเป็นพื้นที่ศูนย์รวมของชุมชน ทั้งหมด 139 สาขาจากแผนพัฒนาพื้นที่การค้าปี 67-69 ปัจจุบันเสร็จไปแล้ว 48 สาขา
- การคัดเลือกผู้เช่า โดยที่จะมุ่งเน้นให้ร้านค้าขนาดใหญ่เป็น Food Destination โดยสัดส่วนผู้เช่ากลุ่มอาหารและเครื่องดื่มเพิ่มขึ้นมาเป็น 36% จากเป้าหมาย 40%
ราคาหุ้นปรับตัวลดลงไปทดสอบแนวรับสำคัญของโครงสร้างขาลงระยะยาวที่ 19.00 แต่เราคาดว่า ราคาหุ้นน่าจะมีโอกาสฟื้นตัวในระยะสั้น โดยมีแนวต้านที่ 20.50 ถ้าทะลุผ่านขึ้นไปได้ จะมีแนวต้านถัดไปที่ 22.50-23.00 แต่ถ้าปรับตัวลดลงไปเคลื่อนไหวต่ำกว่า 18.70 จะมีแนวรับถัดไปที่ 17.00
เว็บไซต์นี้มีการจัดเก็บคุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของคุณให้ดียิ่งขึ้น การใช้งานเว็บไซต์นี้เป็นการยอมรับข้อกำหนดและยินยอมให้เราจัดเก็บคุ้กกี้ตามนโยบายความเป็นส่วนตัวของเรา อ่านเพิ่มเติม