#ทันหุ้น - บล.เคจีไอ ส่องหุ้น ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KTB ธนาคารมีมุมมองที่ระมัดระวังมากขึ้น เพิ่มความกังวลมากขึ้นกับอัตราการโต GDP ปีนี้หลังจากสหรัฐจะใช้มาตรการภาษีการค้าใน 2H68 โดยประเมินอัตราการขยายตัวของ GDP ปี 2568F ไว้ 3 แนวทางดังนี้ i) ขยายตัว 2% ในกรณีที่สหรัฐไม่เก็บภาษีจากสินค้าไทยเพิ่ม ii.) ขยายตัว 1.5% ในกรณีที่สหรัฐเก็บภาษีจากสินค้าไทยเพิ่มเป็น 18% iii.) ขยายตัว 0.7% ในกรณีที่สหรัฐเก็บภาษีจากสินค้าไทยเพิ่มจนถึงระดับสูงสุดที่ 37% ทั้งนี้ ในกรณีที่ GDP ขยายตัว 1.5% ฝ่ายวิจัยคาดว่าจะมีการลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายอีกหนึ่งครั้งเป็น 1.5% ใน 2H68 ซึ่งธนาคารน่าจะบริหารผลกระทบที่เกิดกับ NIM ได้ไม่ยาก อย่างไรก็ตาม ในกรณีเลวร้ายที่สุดของ GDP ฝ่ายวิจัยคาดว่าจะมีการลดดอกเบี้ยแรงขึ้น ซึ่งจะกระทบกับการดำเนินงานของธนาคารมากกว่าที่ประเมินไว้ก่อนหน้านี้
สินเชื่อธุรกิจลดลงอย่างมาก ฉุดสินเชื่อรวมให้โตเกือบเป็นศูนย์ KTB มองว่าได้เห็นผลกระทบจากความไม่แน่นอนเกี่ยวกับประเด็นภาษีการค้าสหรัฐ โดยธุรกิจขนาดใหญ่เลื่อนแผนการลงทุนออกไป ทำให้สินเชื่อธุรกิจ (25% ของสินเชื่อรวม) หดตัวลง 6% QoQ และ 11% ใน 1Q68 (จากที่หดตัว 6% ในปี 2567) ถึงแม้ว่าสินเชื่อภาครัฐจะยังคงขยายตัว แต่ธนาคารมองว่าสินเชื่อภาคธุรกิจที่ชะลอตัวลงจะทำให้สินเชื่อรวมโตเกือบเป็นศูนย์ในปี 2568 ทำให้ฝ่ายวิจัยปรับลดประมาณการอัตราการขยายตัวของสินเชื่อปี 2568F/2569F เป็น 1%/5% (จากเดิมที่คาดว่าจะขยายตัว 5% ทั้งสองปี)
คชจ.สำรองฯ (Credit cost) ผ่านจุดสูงสุดไปแล้วใน Q1/68 แนวโน้มจะลดลงในไตรมาสต่อๆ ไป ถึงแม้ว่าภาวะเศรษฐกิจจะยังไม่แน่นอน แต่ KTB ยังมั่นใจในคุณภาพสินทรัพย์ เพราะสินเชื่อส่วนใหญ่ค่อนไปทางสินเชื่อความเสี่ยงต่ำในกลุ่มสินเชื่อภาครัฐ และสินเชื่อรายย่อยที่ผูกกับบัญชีเงินเดือน ทั้งนี้ credit cost ที่ 1.2% ใน 1Q68 น่าจะเป็นจุดที่สูงที่สุดแล้ว และ มีแนวโน้มจะลดลงได้ในไตรมาสต่อๆ ไป (เป้าเต็มปีอยู่ที่ 1.05-1.25%) ฝ่ายวิจัยคิดว่า KTB จะสามารถบริหารจัดการ credit cost ได้ โดยที่ NIM มี downside จากการที่อาจมีการลดดอกเบี้ยมากกว่าหนึ่งรอบใน 2H68 อย่างไรก็ตาม ความเสี่ยงทางด้านของ credit cost จะขึ้นอยู่กับการเพิ่มขึ้นของ NPL ซึ่งจะฉุดให้สัดส่วน NPL coverage <180%
ปรับลดกำไรปี 2568F/2569F ลง 3%/4% และปรับราคาเป้าหมายปี 2568F ที่ 25.25 บาท โดยแนะนำซื้อ ฝ่ายวิจัยปรับลดประมาณการกำไรลงเพื่อสะท้อนถึง 1.) การปรับลดสมมติฐานอัตราการขยายตัวของสินเชื่อปี 2568F/2569F ลงเป็น 1%/5% (จากเดิม 5% ทั้งสองปี) 2.) ปรับลดสมมติฐาน NIM เป็นปีละ 2.97% (จาก ปีละ 3.15%) 3.) ปรับเพิ่มส่วนแบ่งกำไรเป็น 3.8 พันล้านบาท/3.9 พันล้านบาท (จาก 1.5 พันล้านบาททั้งสองปี) 4.) ปรับเพิ่มกำไร FVTPL และ กำไรจากการลงทุนเป็น 1.2 หมื่นล้านบาท/1.15 หมื่นล้านบาท (จาก8/6.8พันลบ.) เราปรับราคาเป้าหมายปี 2568F เป็น 25.25 บาท (จาก 26.25 บาท) และ คงคำแนะนำซื้อ สะท้อนถึงคุณภาพสินทรัพย์ที่แข็งแกร่งกว่าของ KTB, โครงสร้างสินเชื่อที่ดีกว่าเพราะมีการปล่อยสินเชื่อภาครัฐในระดับที่สูง และ โอกาสที่จะดำเนินโครงการซื้อหุ้นคืน
Risks NIM ถูกกดดัน และ ผลขาดทุนจากการด้อยค่าของ NPA, ผลขาดทุน FVTPL จากการลงทุนในหุ้น
เว็บไซต์นี้มีการจัดเก็บคุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของคุณให้ดียิ่งขึ้น การใช้งานเว็บไซต์นี้เป็นการยอมรับข้อกำหนดและยินยอมให้เราจัดเก็บคุ้กกี้ตามนโยบายความเป็นส่วนตัวของเรา อ่านเพิ่มเติม