> SET > STECON

15 มิถุนายน 2025 เวลา 12:00 น.

บล.กสิกรไทย-บล.ดีบีเอสฯ ส่องหุ้น STECON


#stecon #ทันหุ้น – การซื้อขายหุ้นของ บริษัท สเตคอน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ STECON วันที่ 13 มิ.ย. ราคาหุ้นเคลื่อนไหวในช่วง 7.05-7.50 บาท ก่อนปิดตลาดที่ 7.20 บาท ลดลง 0.35 บาท หรือลดลง 4.64% มูลค่าการซื้อขาย 45.88 ล้านบาท 

.

บล.ดีบีเอสวิคเคอร์สออกบทวิเคราะห์วันที่ 12 มิ.ย.ระบุว่า STECON กำลังจะเปิดตัวธุรกิจเทคโนโลยีใหม่ ทั้งนี้ บริษัทได้จัดสรรงบลงทุนสำหรับธุรกิจใหม่ทั่วไปปีละ 1.5-1.8 พันล้านบาท และปีละ 150-300 ล้านบาทสำหรับธุรกิจเทคโนโลยี ซึ่งขณะนี้บริษัทจะลงทุนในบริษัทสตาร์ทอัพ 2 ราย เพื่อขับเคลื่อนการเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัล ได้แก่ 1) Asperitas : บริษัทเทคโนโลยีขั้นสูงในประเทศเนเธอร์แลนด์ ที่เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีการระบายความร้อนสำหรับ Data Center และ 2) ALICE: บริษัทในสหรัฐ ซึ่งมุ่งเน้นพัฒนาซอฟต์แวร์ด้านการก่อสร้างโดยใช้ AI เพื่อช่วยปรับปรุงการวางแผนโครงการ ลดความล่าช้า และเพิ่มประสิทธิภาพซึ่งคาดว่าจะลงนามในสัญญาสิ้นมิ.ย.นี้ โดยคาดว่าอัตราผลตอบแทนจากเงินลงทุนจะอยู่ที่ 4 เท่าภายใน 3-4 ปีข้างหน้า

.

เมื่อ 10 มิ.ย.68 บริษัทลงนามในสัญญาก่อสร้างฉบับใหม่กับ TOP มูลค่า 7.4 พันล้านบาท สำหรับงานในโครงการ Clean Fuel Project (CFP) ซึ่งครอบคลุม งานโครงสร้าง (Structural Wort) งานเครื่องกล (Mechanical Work) และงานระบบท่อ (Piping Work) ระยะเวลาก่อสร้าง 20 เดือน (เริ่มมิ.ย.68) ซึ่งก่อนหน้าได้งานดาต้า เซ็นเตอร์ มูลค่า 1.5 หมื่นล้านบาท และมอเตอร์เวย์ M7 มูลค่า 2.7 พันล้านบาทไปแล้ว ทั้งนี้ ธุรกิจก่อสร้างยังคงเป็นธุรกิจหลักของ STECON โดย ณ สิ้นไตรมาส 1/68 บริษัทมีงานในมือทั้งหมด (Backlog) รวมมูลค่า 1.25 แสนล้านบาท

.

ธุรกิจดาต้า เซ็นเตอร์กำลังจะเป็นปัจจัยขับเคลื่อนใหม่ของ STECON โดยคาดว่าจะมีสัดส่วนประมาณ 20% ของงานในมือ (Backlog) ในระยะสั้น และเพิ่มเป็น 30% ในระยะยาว

อัตรากำไรขั้นต้น (GPM) มีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้นอย่างชัดเจน บล.ดีบีเอสฯคาดว่าปี 68-69 จะมี GPM เฉลี่ย 6.3% และ 6.4% จากติดลบในปี 67 หนุนโดย 1) การลดต้นทุนจากการใช้ automation equipment, 2) รับรู้รายได้จากโครงการที่มีมาร์จิ้นดีเพิ่มขึ้น เช่น โครงการโรงไฟฟ้า และศูนย์ดาต้า เซ็นเตอร์ และ 3) การแข่งขันที่ลดลงในตลาด เนื่องจากคู่แข่งรายใหญ่รายหนึ่งประสบปัญหาสภาพคล่อง ปัจจุบันเหลือคู่แข่งหลักเพียงรายเดียวคือ CK

.

การปรับวิธีบันทึกบัญชีโครงการถไฟฟ้าสายสีเหลือง-ชมพูจะช่วยลดการรับรู้ผลขาดทุน โดยบริษัทจะปรับจากวิธี Equity method เป็นเงินลงทุนระยะยาว (ซึ่งจะบันทึกกำไร/ขาดทุนจากการตีมูลค่าเงินลงทุนในโครงการ) ขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาของผู้ตรวจสอบบัญชี ทั้งนี้ STEC ถือหุ้นในโครงการรถไฟฟ้าสายสีเหลือง-ชมพู 15% ที่เหลือ 75%, ถือโดย BTS และอีก 10% ถือโดย RATCH

พลิกฟื้นเป็นกำไรสุทธิปี 68 โดยคาดไว้ที่ 762 ล้านบาท และเติบโตต่อเป็น 1.03 พันล้านบาทในปี 69 จากการรับรู้รายได้ก่อสร้างเพิ่มขึ้น อัตรากำไรดีขึ้น รับรู้ผลขาดทุนโครงการถไฟฟ้าสายสีเหลือง-ชมพูน้อยลงในปี 68 และไม่มีในปี 69 รวมถึงมีรายได้เคลมประกันการซ่อมแซมอุโมงค์หนองบอนด้วย

คงคำแนะนำซื้อ ให้ราคาพื้นฐาน 9.30 บาท อิงกับ P/BV ปีนี้ที่ 0.8 เท่า (Mean-0.5SD)

.

บล.กสิกรไทยออกบทวิเคราะห์วันที่ 26 พ.ค. ระบุว่า STECON จัดการประชุมนักวิเคราะห์โดยมีแนวโน้มเชิงบวก และยังคงแนวทางปื 2568 การเคลมประกัน BNB และการเปลี่ยนประเภทเงินลงทุนใน MRT ยังไม่แน่นอน

บล.กสิกรไทยปรับประมาณการกำไรปกติในปี 2568/69/70 ขึ้น 106%/33%/20% ตามลำดับ โดยส่วนใหญ่มาจากการปรับเพิ่ม GPM ให้สอดดคล้องกับแนวทางจาก GPM ในไตรมาส 1/68 ที่แข็งแกร่ง

บล.กสิกรไทยคงคำแนะนำ "ซื้อ" แต่ปรับลดราคาเหมาะสมลง 0.1% เหลือ 9.86 บาทจากมูลค่าการลงทุนใน GULF ที่ลดลง แม้จะได้รับการชดเชยบางส่วนจากแนวโน้มงานก่อสร้างที่แข็งแกร่งขึ้น




รู้ทันเกม รู้ก่อนใคร ติดตาม "ทันหุ้น" ได้ทุกช่องทางเหล่านี้

Facebook คลิก https://www.facebook.com/thunhoonnews
Youtube คลิก https://www.youtube.com/c/ThunhoonOfficial
Tiktok คลิก https://www.tiktok.com/@thunhoon_/
จาก
ถึง
Select...
หุ้น
Select...
หัวข้อ
Select...

ข่าวล่าสุด

อ่านต่อ

เว็บไซต์นี้มีการจัดเก็บคุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของคุณให้ดียิ่งขึ้น การใช้งานเว็บไซต์นี้เป็นการยอมรับข้อกำหนดและยินยอมให้เราจัดเก็บคุ้กกี้ตามนโยบายความเป็นส่วนตัวของเรา  อ่านเพิ่มเติม

X