ทันหุ้น–PTTEP ตั้งเป้าเจาะสำรวจปีนี้15 หลุม ปักหมุดเมียนมา-มาเลเซีย หวังดันปริมาณสำรองเพิ่ม เน้นบริหารต้นทุนการผลิตคาดปีนี้อยู่ที่ 32 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ตั้งเป้า EBITDA Margin ที่ 70-75% มองราคาน้ำมันปีนี้ 60 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ขณะที่เป้ายอดขายปีนี้ที่ 3.9 แสนบาร์เรลต่อวัน เติบโต 11% เล็งออกหุ้นกู้ 300 ล้านดอลลาร์ พร้อมตุนเงินสดในมือกว่า 3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เผยครึ่งปีแรกสรุปลงทุน Gas to Power กำลังการผลิต 600 เมกะวัตต์ ที่เมียนมา

นายพงศธร ทวีสิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ PTTEP เปิดเผยว่า มั่นใจว่าปีนี้ปริมาณขายปิโตรเลียมเฉลี่ยจะอยู่ที่ 3.90 แสนบาร์เรลต่อวัน เติบโต 11% จากปีก่อนที่ 3.50 แสนบาร์เรลต่อวัน เป็นผลมาจากการเข้าซื้อกิจการของบริษัท เมอร์ฟี่ ออยล์ คอร์ปอเรชั่น ในประเทศมาเลเซีย

และบริษัท พาร์เท็กซ์ โฮลดิ้ง บี.วี. ซึ่งจะรับรู้เต็มปี

*เร่งขุดสำรวจอีก 15 หลุม

ขณะที่ปีนี้จะเร่งกิจกรรมการสำรวจในโครงการที่มีศักยภาพสูง คาดว่าจะมีการสำรวจราว 15 หลุม เพิ่มจากปีก่อนที่ 9หลุม โดยเน้นโครงการในประเทศมาเลเซียและเมียนมา เช่น โครงการเมียนมา เอ็มดี-7 และหลุมสำรวจลัง เลอบาห์-1อาร์ดีอาร์ 2 ในแปลงซาราวัก เอสเค 410บี ประเทศมาเลเซีย ซึ่งในปีที่ผ่านมา ปตท.สผ. ประสบความสำเร็จในการเจาะหลุมสำรวจที่ถือเป็นการค้นพบแหล่งก๊าซธรรมชาติครั้งใหญ่ที่สุดครั้งหนึ่งของบริษัท รวมถึง แปลงสำรวจอื่นๆ ในบริเวณเดียวกันในประเทศมาเลเซีย เพื่อพิจารณาการลงทุนที่มีประสิทธิภาพสูงสุด และเป็นโอกาสในการเพิ่มปริมาณสำรองที่ปัจจุบันมีปริมาณสำรองราว 7.5 ปี

พร้อมกันนี้ยังคงมุ่งเน้นการใช้เทคโนโลยีเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มจากโครงการปัจจุบัน และผลักดันการพัฒนาโครงการโมซัมบิก แอเรีย วัน และโครงการแอลจีเรีย ฮาสสิ เบอร์ ราเคซ ให้สามารถผลิตได้ตามแผนที่วางไว้ เพื่อสร้างการเติบโตให้กับบริษัทในระยะยาว อีกทั้งคาดว่าต้นทุนต่อหน่วย (Unit Cost) จะอยู่ที่ 32 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบ สำหรับราคาน้ำมันดิบปีนี้คาดว่าจะอยู่ที่ 60 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ในขณะที่ระดับอัตรากำไรก่อนดอกเบี้ย ภาษีและค่าเสื่อมราคา (EBITDA Margin) ที่ 70-75% จากปีก่อนที่ 71%

*ต้นทุนการเงินลดฮวบ

นอกจากนี้บริษัทเตรียมออกหุ้นกู้ในช่วงครึ่งปีแรกปี 2563 วงเงิน 300 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อรีไฟแนนซ์หุ้นกู้เดิม อายุ 5-10 ปี และคาดว่าจะลดต้นทุนการเงินเหลือ 3.9% จากปีก่อนที่ 5.3% และบริษัทยังไม่มีแผนระดมทุนอื่นเพิ่มเพราะมีกระแสเงินสดในมือกว่า 3,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

สำหรับโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติ (Gas to Power) กำลังการผลิต 600 เมกะวัตต์ (MW) ที่ประเทศเมียนมา ซึ่งก่อนหน้านี้บริษัทบริษัทได้ยื่นหนังสือเพื่อขอพัฒนาโรงไฟฟ้า คาดว่าจะได้ข้อสรุปภายในครึ่งปีแรก และจากนี้จะใช้ระยะเวลาศึกษาอีก1 ปี และเริ่มดำเนินการก่อสร้างคาดว่าจะสามารถดำเนินการเชิงพาณิชย์ได้ปี 2567