> SET > KTC

14 กุมภาพันธ์ 2020 เวลา 14:15 น.

KTC โบรกมองบวก จากการบังคับใช้ TFRS9-ต้นทุนทางการเงินที่ลด, เล็งอัพประมาณการกำไรปี 63-64

สำนักข่าว "ทันหุ้น" รายงานว่า บล.เคทีบี (ประเทศไทย) หรือ KTBST คงคำแนะนำ "ซื้อ” บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KTC และราคาเป้าหมายที่ 45.00 บาท อิง 2563 PBV 5.0x (+1.5SD above 5-yr average PBV) จากผลการดำเนินงานในระยะยาวจะขยายตัวต่อเนื่องคิดเป็น 2562-64 EPS CAGR +11.2% โดยมีแนวโน้มปรับประมาณการกำไรปี 2563/64 ขึ้น


มุมมองต่อเป็นบวกต่อ KTC มากขึ้น จาก 1) การบังคับใช้ TFRS9 ที่ทำให้ค่าใช้จ่ายสำรองฯ จะลดลงมากขึ้น คาด credit cost ปี 2563 จะลดลงอยู่ที่ 597 bps จากปีก่อนที่ 784 bps หนุนโดยระดับสำรองฯของ NPLs, สินเชื่อใหม่ที่ลดลงและการตัดจำหน่ายหนี้สูญที่ช้าลง, 


2) cost to income จะปรับตัวลงจากปีก่อนที่อยู่ที่ 44% ต่ำกว่าที่คาดปี 2563 ที่ 45% เป็นผลของ digitalization,3) ได้รับผลบวกจากการออกหุ้นกู้ชุดใหม่ที่มีต้นทุนทางการเงินที่ต่ำลง โดยประเมินว่าดอกเบี้ยเงินกู้ยืมจะลดลง 25 ล้านบาท จากการออกหุ้นกู้ชุดใหม่จำนวน 1.0 หมื่นล้านบาท ที่ทุกๆ อัตราดอกเบี้ยที่ลดลง 0.25bps จากต้นทุนทางการเงินของหุ้นกู้เฉลี่ยคงเหลือที่ 3.0% 


4) ระดับ NPLs จะไม่เพิ่มขึ้นมาก เนื่องจากบริษัทมีการปล่อยสินเชื่อระมัดระวังมากขึ้นในสภาพเศรษฐกิจที่ชะลอตัวและเป็นการเพิ่มรายได้ดอกเบี้ยในระยะยาวจากสินเชื่อที่มีคุณภาพดี


ความเคลื่อนไหวของหุ้น KTC ปิดเช้าอยู่ที่ 41.75 บาท เพิ่มขึ้น 0.25 บาท เพิ่มขึ้น 0.60% มูลค่าการซื้อขาย 299.49 ล้านบาท

KTBST ระบุ จากงาน Opportunity day "KTC" วานนี้ (13 ก.พ.) บริษัทชี้แจงแนวโน้มผลการดำเนินงานในปี 2563 โดยมีประเด็นสำคัญ คือ 1) ยังคงคาดยอดใช้จ่ายผ่านบัตรจะขยายตัวเพิ่มขึ้น +15% YoY เท่ากับเป้าในปีก่อนๆ (เราคาด +9% YoY) โดยการใช้จ่ายผ่านบัตรในปี 2561/62 ขยายตัวเพียง +9.2%/+10.6% ตามลำดับ


ในขณะที่การใช้จ่ายผ่านบัตรเดือน ม.ค.-ก.พ. 2563 มีการขยายตัวในอัตราที่ลดลง(คาดต่ำกว่า 10% ที่เป็นอัตราการขยายตัวใน Q1/62) โดยได้รับผลกระทบจาก 1) เศรษฐกิจที่ชะลอตัว,2) การท่องเที่ยวที่ลดลง เช่น การยกเลิกตั๋วเครื่องบิน หรือการชะลอการซื้อตั๋ว จากปัญหาโคโรนา และ 3) การ disruption ธุรกิจ delivery ทำให้ยอดการใช้จ่ายผ่านบัตรหมวดร้านอาหารลดลง


2) ได้รับผลกระทบเล็กน้อยจากการขอความร่วมมือจาก ธปท. สำหรับการผ่อนชำระบัตรเครดิตขั้นต่ำ 5% จากเดิม 10% เนื่องจากเป็นการให้สิทธิเฉพาะผู้ที่ได้รับผลกระทบจากโคโรนาเท่านั้น และต้องมีเอกสารยืนยันผลกระทบ ซึ่งบริษัทจะพิจารณาเป็นรายกรณี โดย ณ ปัจจุบันบริษัทยังไม่ได้รับการแสดงความจำนงค์เข้ามา


3) Cost to income จะปรับตัวลงจากการใช้ระบบ digital มากขึ้น โดย ณ ปัจจุบันบริษัทอยู่ระหว่างการพัฒนา และปรับเปลี่ยน (reengineering)


4) ได้รับผลบวกจากการบังคับใช้ TFRS9 จากค่าใช้จ่ายสำรองฯลดลง เพราะ ECL model จะไม่ตั้งสำรองลูกหนี้ NPLs 100% เหมือนในอดีต ในขณะที่รายได้ดอกเบี้ยที่รับรู้จากNPLs เพิ่มขึ้นจะชดเชยด้วยรายได้หนี้สูญรับคืนที่ลดลง จากการที่บริษัทจะตัดจำหน่ายหนี้สูญได้ช้าลง


5) บริษัทมีแผนที่จะออกหุ้นกู้ในช่วงกลางปี มูลค่า 1.0-1.2 หมื่นล้านบาท เพื่อ refinance หุ้นกู้ชุดเก่าที่จะหมดอายุ และรองรับการขยายธุรกิจ ทั้งนี้บริษัทอยู่ระหว่างการขอวงเงินการออกหุ้นกู้จากผู้ถือหุ้นเพิ่มขึ้นประมาณ 3.0 หมื่นล้านบาท จากวงเงินการออกหุ้นกู้คงเหลือที่ลดลงอยู่ที่ 1.0 หมื่นล้านบาท 

จาก
ถึง
Select...
หุ้น
Select...
หัวข้อ
Select...

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

อ่านต่อ

เว็บไซต์นี้มีการจัดเก็บคุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของคุณให้ดียิ่งขึ้น การใช้งานเว็บไซต์นี้เป็นการยอมรับข้อกำหนดและยินยอมให้เราจัดเก็บคุ้กกี้ตามนโยบายความเป็นส่วนตัวของเรา  อ่านเพิ่มเติม

X