> SET >

10 มีนาคม 2020 เวลา 07:40 น.

ซีพีคว้าเทสโก้3.38แสนล. ดร.นิเวศน์หวั่นซื้อแพงไป

ทันหุ้น- CPALL-CPF-เจริญโภคภัณฑ์โฮลดิ้ง รวมกันเทคฯ “เทสโก้ไทย-มาเลเซีย” ปิดดีลซื้อ 338,445 ล้านบาท CPALL ถือ 40% CPF ถือ 20% ยังไม่เพิ่มทุน ชี้ต่อยอดให้ร้านค้าปลีกหลากราย ด้าน ดร.นิเวศน์ มองดีลนี้ซื้อราคาสูงไป แถมธุรกิจเทสโก้ยังถดถอย เตรียมทำใจผลประกอบการ CPALL ดร็อปให้เวลา 3 ปี ด้านนักวิเคราะห์แนะหลีกเลี่ยงห่วงเงินตึงตัว


3 บริษัทในกลุ่มซีพี ประกอบด้วย บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) หรือ CPALL , บริษัท เจริญโภคภัณฑ์โฮลดิ้ง จำกัด, และ บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ CPF  ได้ ประกาศอย่างเป็นทางการในการเข้าซื้อของ เทสโก้ประเทศไทย และเทสโก้ประเทศมาเลเซีย ด้วยการเข้าซื้อหุ้นใน กลุ่มเทสโก้ เอเซีย ด้วยมูลค่า 10,576 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือ 338,445 ล้านบาท โดย CPALL ถือหุ้น 40% บริษัท เจริญโภคภัณฑ์โฮลดิ้ง จำกัด ถือหุ้น 40% และ CPF ถือหุ้นผ่านบริษัทลูก 20%


นายเกรียงชัย บุญโพธิ์อภิชาติ Chief Financial Officer บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) หรือ CPALL  เปิดเผยว่า การเข้าลงทุนในสัดส่วนไม่เกิน 40% คิดเป็นเงินลงทุนมูลค่าประมาณ 3,000ล้านเหรียญสหรัฐ หรือเท่ากับ 95,981ล้านบาท  ส่วนแหล่งเงินทุน จะใช้กระแสเงินสดภายในกลุ่มบริษัทและเงินกู้ยืมจากสถาบันการเงิน บริษัทเชื่อว่าการลงทุนดังกล่าวจะส่งเสริมให้บริษัท และผู้ถือหุ้นของบริษัทได้ประโยชน์ ทำให้มีรูปแบบร้านค้าที่หลากหลายขึ้น ทั้งไฮเปอร์มาร์เก็ต ซุปเปอร์มาร์เก็ต และร้านสะดวกซื้อ รวมถึง ค้าส่ง cash and carry  รวมถึงยังจะยกระดับการให้บริการสู่เศรษฐกิจสมัยใหม่ (new economy business) และสามารถขยายสู่ตลาดค้าปลีกขนาดใหญ่ในมาเลเซียได้


ขณะที่ นายประสิทธิ์ บุญดวงประเสริฐ ประธานคณะผู้บริหาร ซีพีเอฟ หรือ CPF กล่าวว่า การเข้าร่วมลงทุนครั้งนี้มีมูลค่าประมาณ 1,500 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือเท่ากับประมาณ 47,991ล้านบาท เชื่อว่าจะส่งผลประโยชน์ทำให้ยอดขายทั้งของเทสโก้และซีพีเอฟเพิ่มมากขึ้น และเนื่องจากเทสโก้เอเซียเป็นบริษัทที่มีผลการดำเนินงานที่ดีมาอย่างต่อเนื่อง ผู้บริหารและทีมงานมีความเชี่ยวชาญในธุรกิจ มีความสามารถในการปรับตัวเข้ากับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป เชื่อว่าการผนึกกำลังกับเทสโก้เอเซียน่าจะส่งผลเสริมให้ผลการดำเนินงานที่ดีอยู่แล้วนั้นดียิ่งขึ้นได้อีก


ทั้งนี้ผลประกอบการของเทสโก้ในไทยปี 2560 รายได้ 218,163 ล้านบาท กำไรสุทธิ 9,117 ล้านบาท ปี 2561 รายได้อยู่ที่ 196,558 ล้านบาทลดลง 10%กำไรสุทธิ 9,628 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5% ขณะที่ปี 2562 รายได้ 188,628 ล้านบาท ลดลงอีก 4%  กำไรสุทธิ 7,819 ล้านบาท ลดลง 19% ขณะที่เทสโก้มาเลเซียนั้นปี2562ยังมีผลขาดทุนอยู่ 339 ล้านบาท


จากข้อมูลสิ้นเดือน สิงหาคม 2562 เทสโก้ในไทย มีร้านค้ารูปแบบไฮเปอร์มาร์เก็ต 214 สาขา ตลาด โลตัส 179 สาขา และ Tesco Express 1,574 สาขา และให้เช่าพื้นที่ในศูนย์การค้า 191 สาขา ส่วน Tesco ในประเทศมาเลเซีย มีไฮเปอร์มาร์เก็ต 46 สาขา ซุปเปอร์มาร์เก็ต 13 สาขา และร้านค้าขนาดเล็ก 9 สาขา และยังประกอบธุรกิจให้เช่าพื้นที่ในศูนย์การค้าจำนวน 56 สาขา


@ดร.นิเวศน์ชี้ซื้อแพง

นายนิเวศน์ เหมวชิรวรากร นักลงทุนคุณค่า เปิดเผยกับ ทีมงานทันหุ้น ว่า การเข้าซื้อ เทสโก้ ของกลุ่มซีพีครั้งนี้ ค่อนข้างแพง และยังมีความเป็นห่วงว่าเทสโก้เป็นธุรกิจที่ถูกดิสรัปผลประกอบการถดถอยมาโดยตลอด ซึ่งอาจเป็นเพราะความต้องการส่วนตัวด้วย แต่ยังดีที่ไม่ได้เพิ่มทุน อย่างไรก็ตามมองว่าผลกระทบต่อผลประกอบการอาจจะทำให้กำไรลดลง 2-3 ปี จากต้นทุนการเงินที่สูง และไม่ได้รู้สึกช็อคแต่อย่างใด เพราะการซื้อยังมีการแบ่งต้นทุนการเงินไปสู่บริษัทอื่น


ส่วนการซินเนอร์ยี่กันระหว่าง CPALL และ โลตัสนั้น เป็นสิ่งที่ต้องติดตาม ซึ่งก็คล้ายกับ MAKRO ที่ก็ยังมีภาพที่ไม่ชัดเจน ดังนั้นในมุมมองของนักลงทุนระยะยาวเห็นว่าอาจจำเป็นที่ต้องรอดูไป 2-3 ปี จากนั้นผลงานจะต้องดีขึ้น ถ้าไม่ดีก็จะอาจจะมาพิจารณาอีกครั้งว่าจะถือหุ้นต่อไปหรือไม่


“การเข้าซื้อแบบนี้นักลงทุนไม่ค่อยชอบ และยิ่งซื้อแพงเข้าไปอีก จะขายมันก็ลงมาแล้ว ส่วนซินเนอร์ยี่เรายังไม่เห็น มันดูปัจจุบันก่อน ซึ่งผลประกอบการมันต้องลดลงแน่ แต่ CPALL ยังไม่ได้ถูดดิสรัป ก็ถือ ดังนั้นก็ต้องติดตามไปซัก 2-3 ปี ว่าเป็นอย่างไร ถ้า 3 ปียังแย่ค่อยพิจารณา”


ด้านบริษัทหลักทรัพย์โนมูระพัฒนสิน จำกัด (มหาชน) ออกบทวิเคราะห์ แนะนำหลีกเลี่ยงการลงทุน เนื่องจากจะสร้างความตึงตัวทางการเงินกับกลุ่ม CP มากขึ้นในระยะสั้น และอาจมีประเด็นเสี่ยงการพิจารณาผูกขาดทางการค้า ระยะสั้นมองเป็นลบมากขึ้น โดยมูลค่าดีลครั้งนี้ไม่ถูก เพราะหากอิงมูลค่ารวม 100% ของบริษัท ซีพี รีเทลโฮลดิ้งที่ 7,500 ล้านเหรียญ (2.4 แสนล้านบาท)เทียบเท่ากับปี PE ปี 2562 ที่ 26-30 เท่า สูงกว่าค่าเฉลี่ยค้าปลีกที่ 25-27 เท่า โดยคาดว่าจะมีภาระดอกบเยที่จ่ายจากดีลนี้ 3,840-4,320 ล้านบาท สูงกว่ากำไรที่ได้รับจากเทสโก้ตามสัดส่วนที่ 3,600-4,000 ล้านบาท และมีความกังวลกับการเพิ่มทุนระยะยาว เพราะ NET D/E จะเป็น 1.95 เท่า

จาก
ถึง
Select...
หุ้น
Select...
หัวข้อ
Select...

เว็บไซต์นี้มีการจัดเก็บคุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของคุณให้ดียิ่งขึ้น การใช้งานเว็บไซต์นี้เป็นการยอมรับข้อกำหนดและยินยอมให้เราจัดเก็บคุ้กกี้ตามนโยบายความเป็นส่วนตัวของเรา  อ่านเพิ่มเติม

X