> SET > PTG

30 มีนาคม 2020 เวลา 08:30 น.

PTGมั่นใจ6เดือนแรกยังโต เน้นบริหารคุมสต๊อกน้ำมัน

ทันหุ้น –สู้โควิด – PTG เผยสถานการณ์โควิด-19 กระทบยอดขายน้ำมันไม่มากนัก เชื่อ 6 เดือนแรกยังโต เน้นบริหารสต๊อกให้มีประสิทธิภาพด้านธุรกิจ Non-oli ได้รับผลกระทบชัดเจนจากการปิดสาขา แต่เป็นสัดส่วนรายได้ที่ต่ำ เตรียมพร้อมทบทวนเป้าหมายการเติบโตใหม่ในช่วงครึ่งปีหลัง 2563 จากเดิมคาดปริมาณการขายน้ำมันปีนี้จะเติบโต 16-20%


นายรังสรรค์ พวงปราง ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) หรือ PTG เปิดเผยว่า สถานการณ์แพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ส่งผลกระทบต่อปริมาณการขายน้ำมันที่มีเเนวโน้มชะลอตัวลง เนื่องจากประชาชนส่วนใหญ่ต้องเก็บตัวไม่ได้เดินทางไปไหน นอกจากนี้ยังมีผลด้านราคาน้ำมันที่ปรับตัวลดลงเร็วกว่าที่คาด จึงทำให้กระทบต่ออัตราการทำกำไรที่ตั้งไว้ ส่วนการประเมินยอดขายในช่วง 6 เดือนแรก บริษัทคาดว่ายังมีทิศทางที่เติบโตได้ต่อเนื่อง แต่อาจจะไม่ถึงเป้าหมายที่ตั้งไว้ จากเดิมคาดว่าปริมาณการขายทั้งปี 2563 จะอยู่ที่ 16-20%


*บริหารสต๊อกน้ำมัน


สำหรับแผนรับมือกับผลกระทบบริษัทจะบริหารสต๊อกน้ำมันให้อยู่ในระดับที่ต่ำที่สุด และรักษากระแสเงินสด รวมถึงชะลอการลงทุนออกไปเพื่อประเมินสถานการณ์ก่อน ขณะเดียวกันบริษัทจะกลับมาทบทวนแผนการดำเนินการของธุรกิจอีกครั้งในช่วงครึ่งปีหลัง 2563 ส่วนในช่วง 2 เดือนแรกปี 2563 เฉลี่ยมีการเติบโตอยู่ที่ประมาณ 12-13% จากปีก่อน เนื่องจากลูกค้ายังมีการเดินทางทั้งเพื่อการขนส่งและท่องเที่ยวกันยังขยายตัวได้ดี


ส่วนผลกระทบของธุรกิจที่เป็น Non-oil ซึ่งได้แก่ ร้านสะดวกซื้อ Max Mart และธุรกิจร้านกาแฟพันธุ์ไทย และร้านคอฟฟี่ เวิลด์ ทั้งในและนอกสถานีบริการน้ำมัน PT บริษัทมองว่าเป็นกลุ่มธุรกิจที่ได้รับผลกระทบ เนื่องจากมีการปิดห้างสรรพสินค้า แต่เป็นสัดส่วนรายได้ที่น้อยกว่าธุรกิจน้ำมัน


“จากนี้บริษัทยังมีปัจจัยที่ต้องติดตามต่อในเรื่อง สถานการณ์ภัยแล้ง ซึ่งเป็นสถานการณ์ที่น่าเป็นห่วง เพราะจะกระทบต่อภาคการเกษตร จากเกษตรกรซึ่งมีอยู่จำนวนมาก รวมถึงสถานีบริการน้ำมันของบริษัทส่วนใหญ่จะอยู่ในภูมิภาคเป็นหลัก อย่างไรก็ดีปัจจัยดังกล่าวมีความเสี่ยงที่จะกระทบธุรกิจมากกว่าปัญหาของไวรัสโควิด -19 ที่เกิดขึ้น” นายรังสรรค์ กล่าว


*แนะนำ "ซื้อ" เป้า 20 บาท


บริษัทหลักทรัพย์ เคทีบี (ประเทศไทย) จำกัด ระบุถึง PTG ว่าผู้บริหารยังคงเฝ้าติดตามผลกระทบจากโควิด-19 โดยเชื่อว่าถ้าผลกระทบ COVID-19 จบ ภาคการขนส่งทางรถยนต์จะกลับมาเร่งตัวจากกิจกรรมทางเศรษฐกิจนอกจากนี้ในปี 2563 บริษัทจะมีการบันทึกผลกระทบจาก TFRS 16 (Operating lease) ทำให้มีการบันทึกค่าใช้จ่ายครั้งเดียวประมาณ 160 ล้านบาท แต่จะไม่มีผลต่อสภาพคล่องและ Operation ของบริษัท เพราะเป็นเพียงค่าใช้จ่ายทางบัญชีครั้งเดียวเท่านั้น


ซึ่งได้ปรับประมาณการกำไรปี 2563 ลงที่ 9% มาอยู่ที่ 1,568 ล้านบาท จากผลกระทบ TFRS 16 แต่ยังคงประมาณกำไรปกติที่ 1,728 ล้านบาท โดยยังมีมุมมอง Conservative และรวมผลกระทบจากโควิด-19 ไปแล้ว โดยบนสมมติฐานการเติบโตของปริมาณขาย เพิ่มขึ้น 1% (เทียบกับเป้าผู้บริหารเติบโต 15-20%, อุตสาหกรรมเติบโตเฉลี่ย 3%) ซึ่งประเมินว่าผลกระทบโควิด-19 จะกระทบการขนส่งทางรถยนต์ในครึ่งปีแรก 2563 ในขณะที่ครึ่งปีหลัง 2563 หลังจากหมดผลกระทบ COVID-19การขนส่งทางรถยนต์จะกลับมาเร่งตัวอีกครั้งจากกิจกรรมเศรษฐกิจที่เริ่มกลับมา ยังคงคำแนะนำ "ซื้อ" และราคาเป้าหมายที่ 20 บาท

จาก
ถึง
Select...
หุ้น
Select...
หัวข้อ
Select...

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

อ่านต่อ

เว็บไซต์นี้มีการจัดเก็บคุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของคุณให้ดียิ่งขึ้น การใช้งานเว็บไซต์นี้เป็นการยอมรับข้อกำหนดและยินยอมให้เราจัดเก็บคุ้กกี้ตามนโยบายความเป็นส่วนตัวของเรา  อ่านเพิ่มเติม

X