> SET > BEM

12 พฤษภาคม 2020 เวลา 07:30 น.

BEMลั่นคว้าส้มตะวันตก ประสบการณ์สูงต้นทุนต่ำ

ทันหุ้น – สู้โควิด - BEM พร้อมเดินหน้าคว้าสัมปทานสายสีส้มตะวันตก ชี้เป็นรถไฟใต้ดินทั้งสาย บริษัทมีประสบการณ์สูง แถมต้นทุนต่ำ ระบุจะช่วยดันจำนวนผู้โดยสารพุ่ง ส่วนการผ่อนคลายล็อกดาวน์ ทางด่วนกลับมาแล้ว แต่รถไฟฟ้าต้องใช้เวลา ตั้งเป้าสัดส่วนรายได้ธุรกิจทางด่วน - รถไฟฟ้า 50 : 50 ภายใน 3 ปี นักวิเคราะห์คาดหากชนะประมูลสีส้มดันมูลค่าเพิ่ม 1-3 บาทต่อหุ้น


นายพงษ์สฤษดิ์ ตันติสุวณิชย์กุล กรรมการบริหาร บริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BEM ระบุว่า บริษัทมองหาโอกาสการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ตามนโยบาย “มุ่งลงทุนในธุรกิจที่ถนัด สามารถบริหารจัดการได้ครบวงจร” โดยบริษัทมีความสนใจเข้าร่วมประมูลโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้มตะวันตก (ศูนย์วัฒนธรรมฯ-บางขุนนนท์) มูลค่า 1.2 แสนล้านบาท ซึ่งจะได้งานระบบ ขบวนรถไฟฟ้า บริหารเดินรถและซ่อมบำรุงทั้งสายทาง ระยะเวลาสัมปทาน 30 ปีมาด้วย


ทั้งนี้บริษัทมีความมั่นใจในประสบการณ์การดำเนินงานของบริษัทในฐานะผู้ชำนาญการด้านโครงการรถไฟฟ้าใต้ดิน การขุดเจาะอุโมงค์ รวมถึงการบริหารงานเดินรถเป็นอย่างมาก และด้วยการที่บริษัทสามารถใช้ศูนย์ซ่อมร่วมบริเวณศูนย์ซ่อมสายสีน้ำเงินทำให้ต้นทุนของบริษัทต่ำ


นอกจากนี้ยังสนใจโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วงใต้ ช่วงเตาปูน–ราษฎร์บูรณะ (วงแหวนกาญจนาภิเษก) ระยะทาง 23.6 กิโลเมตร มูลค่ากว่า 1 แสนล้านบาท ซึ่งเป็นส่วนต่อขยายจากซึ่งเป็นรถไฟฟ้าสายสีม่วงเดิม ช่วงบางซื่อ – บางใหญ่ ซึ่งบริษัทดำเนินการอยู่


“เราเป็นผู้ดำเนินการก่อสร้างศูนย์ซ่อมบำรุงรถไฟฟ้าสำหรับโครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน และเป็นผู้รับผิดชอบงานเดินรถไฟฟ้าโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วงในปัจจุบัน ส่วนโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้มตะวันออก CK ซึ่งเป็นบริษัทในเครือเดียวกับเราก็เป็นหนึ่งในผู้รับเหมาก่อสร้าง ดังนั้นเราจึงค่อนข้างมั่นใจว่าเรามีความพร้อมมากในการเข้าร่วมประมูลทั้ง 2 โครงการหากรัฐบาลเปิดให้เอกชนร่วมประมูล และหวังว่าจะเป็น 2 โครงการที่จะเข้ามาหนุนให้ปริมาณผู้โดยสารระบบรถไฟฟ้าของเราโตขึ้นได้ถึง 10-20% ต่อปีในระยะ 5-10 ปีข้างหน้า”


@ทางด่วนกลับมาแล้ว


สำหรับการที่รัฐบาลผ่อนคลายมาตรการล็อคดาวน์ได้ส่งผลให้ปริมาณการใช้ทางด่วนกลับมาจากระดับ 5 แสนคัน เป็น7-8 แสนคันแล้ว ส่วนจำนวนผู้ใช้รถไฟฟ้าก็เพิ่มขึ้น แต่ก็ยังต้องปฏิบัติตามมาตรการรักษาระยะห่างทางสังคม ทั้งนี้บริษัทเชื่อมั่นว่าเมื่อรัฐบาลผ่อนคลายมาตรการทุกด้านลงจำนวนผู้โดยสารรถไฟฟ้าจะกลับมาขยายตัวได้ 8-10% ต่อปี เช่นเดียวกับธุรกิจทางด่วนที่จะขยายตัวได้ประมาณ 1-3% ต่อปี บนต้นทุนการดำเนินงานที่ลดลง


“ส่วนตัวผมเชื่อว่าการที่รัฐควบคุมการเดินทางเป็นสิ่งที่ถูกต้อง ในส่วนของ BEM รายได้ กำไรปีนี้ลดลงแน่นอนเพราะจากช่วงเวลาปกติปริมาณผู้ใช้ทางด่วนเราอยู่ที่ 1.2 ล้านคันต่อวัน ผู้เดินทางด้วยรถไฟฟ้าเมื่อเปิดบริการสายสีน้ำเงินส่วนต่อขยายครบทั้งระบบมีสูงถึง 5 แสนคนต่อวัน พอมีมาตรการต่างๆ คนก็เดินทางน้อยลง แต่สัญญาณที่เห็นชัดเจนคือ เมื่อรัฐบาลผ่อนคลายมาตรการต่างๆ ลง ผู้ใช้ทางด่วนเรากลับมาสูงกว่า 50% ขณะที่จำนวนผู้ใช้รถไฟฟ้าก็เริ่มกลับมา ดังนั้นเรามั่นใจว่าพอปัญหาจบ ผู้ใช้รถไฟฟ้า-ทางด่วน ก็จะกลับมาเป็นปกติแทบจะทันที เพราะประชาชนต้องกลับมาเดินทาง”


ปัจจุบันบริษัทมีรายได้จากธุรกิจทางด่วนประมาณ 65% ของรายได้รวม, ธุรกิจรถไฟฟ้าประมาณ 30% ของรายได้รวม, และรายได้จากธุรกิจโฆษณา-บริหารจัดการพื้นที่ และอื่นๆ อีกประมาณ 5-7%โดยบริษัทตั้งเป้าเพิ่มสัดส่วนรายได้จากธุรกิจทางด่วนขึ้นเป็น 50% ของรายได้รวมภายในระยะเวลา 3-5 ปี


ประมูลสายสีส้ม Q3/2563


นายชัยวัฒน์ ทองคำคูณ ปลัดกระทรวงคมนาคม กล่าวถึงความคืบหน้าการเปิดประมูลโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้มตะวันตก และงานระบบ ขบวนรถไฟฟ้า บริหารเดินรถและซ่อมบำรุงทั้งสายทาง(ส้มตะวันออก-ตะวันตก) ว่าปัจจุบันการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย หรือ รฟม. รายงานวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม (Environmental Impact Assessment Report : EIA) เสร็จเรียบร้อยและ ขณะที่อยู่ระหว่างปรับเงื่อนไขข้อกำหนดของผู้รับจ้าง หรือทีโออาร์ (TOR) ให้รัดกุมคาดว่าจะเปิดประมูลได้ภายในไตรมาส 3/2563นี้อย่างแน่นอน ส่วนโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วงใต้ คาดว่าจะมีความชัดเจนภายในปี 2564


สายสีส้มเพิ่มมูลค่า


นายสรพล วีระเมธีกุล ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย จำกัด (มหาชน) คาดการณ์ BEM รายงานผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 1/2563 มีกำไรจากธุรกิจหลักที่ 547 ล้านบาท ลดลง 33% เมือ่เทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน (YoY)  คาดว่ากำไรจะแตะจุดต่ำในไตรมาส 2/2563 และค่อยๆ ฟื้นตัวขึ้นในครึ่งปีหลัง และคาดว่า GPM จะปรับดีขึ้นจากการต่อสัญญาสัมปทานทางพิเศษ


ขณะเดียวกัน BEM มีแผนจะเข้าประมูลโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้มตะวันตก ซึ่งเป็นสายที่มีความสำคัญจากการประเมินของ Conservative แบ่งประมาณการผู้โดยสารไว้ 2 ระดับคือ 1. capacity ที่ 250,000 ตนต่อวัน คาดว่าจะเพิ่มมูลค่าหุ้นของ BEM ที่ 1 บาทต่อหุ้น, และ 2. capacity ที่ 450,000 คนต่อวัน คาดว่าจะเพิ่มมูลค่าหุ้นถึง 3 บาทต่อหุ้น อย่างไรก็ตามฝ่ายวิเคราะห์ยังไม่ได้รวมประมาณการดังกล่าวไว้ในคำแนะนำ "ซื้อ" และราคาเป้าหมายที่ 10.60 บาท

จาก
ถึง
Select...
หุ้น
Select...
หัวข้อ
Select...

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

อ่านต่อ

เว็บไซต์นี้มีการจัดเก็บคุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของคุณให้ดียิ่งขึ้น การใช้งานเว็บไซต์นี้เป็นการยอมรับข้อกำหนดและยินยอมให้เราจัดเก็บคุ้กกี้ตามนโยบายความเป็นส่วนตัวของเรา  อ่านเพิ่มเติม

X