ทันหุ้น –สู้โควิด – BPP กางแผน COD โรงไฟฟ้าแห่งใหม่ 4โครงการ กำลังการผลิต 453 เมกะวัตต์ ดันผลงานครึ่งปีหลังสดใส คาดสิ้นปีกำลังผลิตเพิ่มเป็น 2,901 เมกะวัตต์ตามเป้า โบรกชี้ปัจจุบัน BPP ถูกซื้อขาย Valuation ที่ต่ำ และเงินปันผลสูงสุดในกลุ่มโรงไฟฟ้า แนะซื้อเคาะเป้า 21 บาท

นายกิรณ ลิมปพยอม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บ้านปู เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BPP เปิดเผยว่า แม้ว่าในช่วงไตรมาส 2/2563บริษัทจะยังไม่ได้มีการเดินเครื่องเชิงพาณิชย์โรงไฟฟ้าแห่งใหม่ เข้ามาเพิ่มเติม แต่ขณะนี้ยังคงสามารถดำเนินงานได้ตามแผนที่วางไว้ ทำให้มองภาพรวมธุรกิจในช่วงไตรมาส 2/2563มีแนวโน้มการขยายตัวที่ดีอย่างต่อเนื่องจากไตรมาสแรกที่มีรายได้รวมอยู่ที่ 1,843 ล้านบาท จาก

*รอขายไฟ 453 MW

สำหรับภาพรวมธุรกิจช่วงครึ่งปีหลัง 2563 นั้น มองว่าจะเติบโตค่อนข้างโดดเด่นจากครึ่งปีแรก เนื่องจากบริษัทวางแผนเตรียม COD โครงการโรงไฟฟ้าเพิ่มอีก 4 แห่ง รวมกำลังผลิตกว่า 453 เมกะวัตต์ ประกอบด้วย โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ยามากาตะ ในญี่ปุ่น ขนาด 20เมกะวัตต์ คาด COD ไตรมาส 3/2563, โครงการโรงไฟฟ้าซานซีลู่กวง ในสาธารณรัฐจีน ขนาดกำลังผลิตตามสัดส่วนลงทุน 396 เมกะวัตต์ คาด COD ไตรมาส 4/2563,

โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลมซอกจาง ในเวียดนาม เฟสที่ 1 ขนาด 30 เมกะวัตต์ คาด COD ไตรมาส 4/2563และโครงการพลังงานแสงอาทิตย์ยาบูกิ ในญี่ปุ่น ขนาด 7เมกะวัตต์ คาด COD ไตรมาส 4/2563เป็นต้น ส่งผลให้ภายในสิ้นปี 2563บริษัทจะมีกำลังผลิตเพิ่มเป็นกว่า 2,901 เมกะวัตต์

*มองหาโอกาสการเติบโต

ขณะเดียวกัน ปัจจุบันบริษัทยังหาโอกาสสร้างความเติบโตในประเทศที่ดำเนินธุรกิจอยู่ และประเทศที่มีศักยภาพอย่างต่อเนื่อง และเปิดโอกาสกว้างในการศึกษาการลงทุนโดยผสมผสานทั้งพลังงานเชื้อเพลิงทั่วไปและพลังงานหมุนเวียนรูปแบบต่างๆ ตามกลยุทธ์ Greener & Smarter ตามเป้าหมายที่จะมีกำลังการผลิตรวมเพิ่มเป็นไม่น้อยกว่า 5,300 เมกะวัตต์ โดยแบ่งออกเป็นพลังงานเชื้อเพลิงทั่วไป 4,500 เมกะวัตต์ และพลังงานหมุนเวียน 800 เมกะวัตต์ ภายในปี 2568

อย่างไรก็ตาม บริษัทมีโรงไฟฟ้า 33 แห่ง แบ่งเป็นโรงไฟฟ้าที่เปิด COD แล้ว 24 โครงการ และอยู่ระหว่างการพัฒนา 9 โครงการ กำลังผลิตตามสัดส่วนการลงทุนรวม 2,784 เมกะวัตต์ คิดเป็นกำลังผลิตที่ COD แล้ว 2,250เมกะวัตต์ (รวมส่วนแบ่งกำลังผลิตจากการปรับโครงสร้างการลงทุนในบ้านปู เน็กซ์)

*ชี้เป้าซื้อ 21 บาท

บริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง จำกัด (มหาชน) ระบุถึง BPP และ BANPU ว่า คาดการณ์ว่า GM ของโรงไฟฟ้า CHP ในจีนมีแนวโน้มที่จะปรับตัวดีขึ้นทั้งจากช่วงเดียวกันปีก่อน และจากไตรมาสก่อนในไตรมาส 2/2563 โดย BPP คาดว่าโรงไฟฟา SLG ในจีนจะดำเนินงานได้ตามแผนภายในปี 2563 สำหรับธุรกิจถ่านหินของ BANPU ไวรัสโควิด-19 กดดันแนวโน้มอุปสงค์ถ่านหินทั่วโลก แต่ในทางกลับกันราคาถ่านหินที่ต่ำมากได้ส่งผลให้อุปทานถ่านหินลดลงด้วยเช่นกัน แนวโน้มต้นทุนการผลิตถ่านหินต่อหน่วยในออสเตรเลียน่าจะปรับลดลงในช่วงไตรมาสที่เหลือของปี 2563

นอกจากนี้ BANPU ได้มีการแก้ไขสัญญาในการเข้าซื้อ Barnett อีกด้วย อย่างไรก็ดี ทางฝ่ายมองว่าแนวโน้มของธุรกิจถ่านหินยังคงไม่สดใสนักในระยะสั้น-กลาง โดยผลการดำเนินงานของ BANPU จะถูกพยุงด้วยธุรกิจโรงไฟฟ้า (BPP) ทั้งนี้ ในปัจจุบัน BPP ถูกซื้อขาย Valuation ที่ต่ำ และเงินปันผลในระยะสั้นถึงระยะกลางสูงที่สุดในกลุ่มโรงไฟฟ้าที่ทางฝ่ายให้คำแนะนำ จึงยังคงคำแนะนำ "ขาย" BANPU และ "ซื้อ" BPP ด้วยราคาเป้าหมาย ณ สิ้นปี 2564ที่ 21 บาท