> SET > STGT

09 กรกฎาคม 2020 เวลา 07:45 น.

STGTเข้าเกณฑ์ถูกขัง! พีอีย้อนหลังพุ่ง109เท่า

ทันหุ้น-สู้โควิด : STGT ร้อนจนมีสิทธิ์ถูกขัง คาดติด  Cash Balance ต้องเทรดเงินสด หลังอัตราหมุนเวียนการซื้อขาย  ,มูลค่าการซื้อขาย และค่าพี/อี เรโช 4 ไตรมาสย้อนหลัง 109 เท่า เข้าเกณฑ์หมด คาดตลาดหลักทรัพย์ประกาศเย็นวันศุกร์นี้  เริ่มมีผลสัปดาห์หน้า ในวันที่ 13 ก.ค.นี้ โบรกห่วงราคาอ่อนตัวลง ชี้ราคาเทียบปัจจัยพื้นฐานทะลุเป้าแล้ว


นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการอาวุโส สายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บริษัทหลักทรัพย์ ทิสโก้ จำกัด เปิดเผยว่า หุ้นบริษัท ศรีตรังโกลฟส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ STGT มีโอกาสสูงที่จะเข้าเกณฑ์  Cash Balanceเมื่อพิจารณาจากเกณฑ์ที่กำหนดว่าจะต้องเข้าเกณฑ์ 3 ประเด็นได้แก่ค่าพี/อี เรโช  (P/E Ratio)  มากกว่า 40 เท่า หรือมีผลขาดทุน ซึ่งหุ้น STGT มีค่าพี/อี เรโช ที่เกิดขึ้นจริงปัจจุบัน (ย้อนหลัง 4 ไตรมาส) นี้ประมาณ 109 เท่าแล้ว


ประเด็นต่อมาได้แก่มูลค่าการซื้อขายต้องมากกว่า 100 ล้านบาทต่อวัน ซึ่งการซื้อขายหุ้น STGT ช่วงที่ผ่านมา ก็เข้าเกณฑ์ดังกล่าวด้วย และประเด็นสุดท้าย Turnover ratio มากกว่า 30% ก็เข้าเกณฑ์เช่นกัน


จากข้อมูลของตลาดหลักทรัพย์ฯ ระบุว่า ปัจจัยที่ใช้ในการพิจารณาหลักทรัพย์ที่เข้าข่ายมาตรการกำกับการซื้อขาย คือ อัตราหมุนเวียนการซื้อขาย (Turnover ratio) , มูลค่าการซื้อขาย และราคาซื้อขายที่ไม่สอดคล้องกับปัจจัยพื้นฐาน เช่น P/E Ratio เป็นต้น โดยตลาดหลักทรัพย์จะประกาศหุ้นที่เข้าข่ายมาตรการกำกับการซื้อขายทุกเย็นวันศุกร์ ซึ่งมี 3 ระดับ ประกอบด้วย ระดับ 1: Cash Balance ระดับ 2: ห้ามคำนวณวงเงินซื้อขาย และ Cash Balance และ ระดับ 3: ห้าม Net settlement, ห้ามคำนวณวงเงินซื้อขาย และ Cash Balance


**มีโอกาสอ่อนตัว


นายอภิชาติ มองว่า หุ้นที่เข้าเกณฑ์ Cash Balanceเป็นหุ้นที่ราคาหุ้นที่มีการซื้อขายที่ผิดปกติจากสภาพที่ควรจะเป็น โดยตามปกติหุ้นที่เข้าเกณฑ์ Cash Balance จะต้องซื้อหุ้นด้วยบัญชี cash balance เท่านั้นเป็นเวลา 6 สัปดาห์ และหากหุ้น STGT เข้าเกณฑ์ Cash Balance คาดว่าจะเริ่มมีผลในวันจันทร์ที่ 13 กรกฎาคมนี้ หากพิจารณาหุ้นที่เข้าเกณฑ์ในอดีตที่ผ่านมา พบว่าส่วนใหญ่ราคาวันแรกจะปรับตัวลดลง ดังนั้นนักลงทุนที่ลงทุนในหุ้น STGTจะต้องระมัดระวังให้ดี


**ราคาเกินพื้นฐาน


นักวิเคราะห์จากบริษัทหลักทรัพย์แห่งหนึ่ง เปิดเผยว่า หุ้น STGTที่ราคาปรับตัวขึ้นมามาก จากราคา IPO ที่หุ้นละ 34 บาท ราคาปิดวานนี้(8 ก.ค.) อยู่ที่ 68.50  บาท เนื่องจากนักลงทุนเข้าเมาเก็งกำไร โดยคาดหวังผลประกอบการที่มีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่องในปีหน้า ขณะที่ในปีนี้คาดการณ์กำไรจะเติบโตประมาณ 4-5 เท่า เมื่อเทียบกับปีก่อน ซึ่งปัจจัยหลักมาจากความต้องการถุงมือยางที่มีจำนวนมาก โดยขณะนี้มีคำสั่งซื้อล่วงหน้าไปจนถึงไตรมาส 3 ของปี 2564 แล้ว เป็นผลมาจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19


นอกจากนี้ราคา IPO ที่ 34 บาทต่อหุ้นนั้นมีค่าพี/อี เรโช คำนวณล่วงหน้าปีนี้ ประมาณ 20 กว่าเท่า ซึ่งต่ำกว่าค่าพี/อี ของผู้ประกอบการถุงมือยางในตลาดโลก แต่การที่ราคาหุ้นปรับตัวขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง ทำให้ค่าพี/อี เรโช ขณะนี้ไม่ถูกแล้ว และราคายังสูงกว่าราคาพื้นฐานที่หลายโบรกเกอร์ได้ประเมินไว้


ทั้งนี้ข้อมูลจาก settrade.com มีโบรกเกอร์ 5 รายที่ออกบทวิเคราะห์ โดยบริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ กิมเอ็ง(ประเทศไทย) จำกัด(มหาชน) ให้ราคาเป้าหมาย 56 บาทต่อหุ้น, บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด(มหาชน) และบริษัทหลักทรัพย์ เอเชีย พลัส จำกัด ให้ราคาเป้าหมายเท่ากันที่ 45 บาทต่อหุ้น, บริษัทหลักทรัพย์ กสิกรไทย จำกัด และบริษัทหลักทรัพย์ โนมูระ พัฒนสิน จำกัด(มหาชน) ให้ราคาเป้าหมายเท่ากันที่ 43 บาทต่อหุ้น


บริษัทหลักทรัพย์ เอเชีย พลัส จำกัด ระบุในบทวิเคราะห์ว่า การระบาดของโควิด-19 ทำให้ความต้องการถุงมือยางเติบโตโดดเด่น ส่งผลบวกต่อ STGT ที่ได้ขยายกำลังการผลิตไว้แล้วในปี 2563 และยังสามารถปรับเพิ่มราคาขายถุงมือยางตามปริมาณที่เพิ่มขึ้นได้ ทำให้แนวโน้มกำไรสุทธิปี 2563-2565 เติบโตเฉลี่ย 71.9% ต่อปี


อย่างไรก็ตามต้องติดตามสถานการณ์โควิด-19 หากสามารถควบคุมได้ดีขึ้นอาจทำให้ความต้องการใช้ถุงมือยางลดลง และจะส่งผลกระทบต่อแนวโน้มราคาขายถุงมือยางในปี 2564 ให้ลดลงจากปีนี้ได้เช่นกัน

จาก
ถึง
Select...
หุ้น
Select...
หัวข้อ
Select...

ข่าวล่าสุด

อ่านต่อ

เว็บไซต์นี้มีการจัดเก็บคุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของคุณให้ดียิ่งขึ้น การใช้งานเว็บไซต์นี้เป็นการยอมรับข้อกำหนดและยินยอมให้เราจัดเก็บคุ้กกี้ตามนโยบายความเป็นส่วนตัวของเรา  อ่านเพิ่มเติม

X