ทันหุ้น –สู้โควิด –บริษัทหลักทรัพย์ เคทีบี (ประเทศไทย) จำกัด ระบุถึง KTC ว่ามีมุมมองเป็นกลางต่อการประชุมนักวิเคราะห์วานนี้ (29 ก.ค.) โดยมีประเด็นสำคัญ ดังนี้
1) บริษัทคาดมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้รอบ 2 (ลดดอกเบี้ยลง 2-3% ตั้งแต่เดือน ส.ค.) จะกระทบต่อ NIM ที่ลดลงประมาณ 225 bps จากปัจจุบันที่ 15.6% (เราคาดลดลง 260 bps) โดยบริษัทจะลดความผลกระทบนี้ลงโดย i. เพิ่มวงเงินให้ลูกหนี้เป็นรายกรณี, ii. ลดต้นทุนทางการเงินจากการเพิ่มสัดส่วนเงินกู้ยืมระยะสั้น และ iii. เพิ่มพอร์ตสินเชื่อที่มีหลักประกัน (พี่เบิ้ม) ซึ่งบริษัทจะเริ่มขยายตัวในพื้นที่กทม. และปริมณฑล ทำให้ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องเพิ่มสาขา
2) Card spending เดือน ก.ค. ยังอยู่ในทิศทางที่ดี โดยเห็นการลดลง Pent-up demand และคาดว่าจะติดลบน้อยกว่า 1H20 ที่ -9% YoY
3) NPLs ที่เพิ่มขึ้นมากใน 2Q20 เป็น 6.6% (1Q20 = 4.0%) มาจากการพิจารณาวันเกินครบกำหนด, คุณภาพลูกหนี้ และการไม่ restage ลูกหนี้ขึ้นในกรณีที่ลูกค้ามีคุณภาพดีขึ้น โดยบริษัทคาดว่าจะสามารถรักษา NPLs ในอนาคตให้ทรงตัวได้ ในกรณีที่ไม่มีสินเชื่อใหม่มาเพิ่มขึ้น
4) บริษัทอยู่ระหว่างการเจรจากับ Auditor ให้สามารถตัดจำหน่ายหนี้สูญได้เร็วขึ้นเหมือนเดิม คาดว่าแล้วเสร็จใน 3Q20 ซึ่งส่งผลให้ NPLs ลดลง, NPL Coverage ratio และค่าใช้จ่ายสำรองฯเพิ่มขึ้น ทั้งนี้ในกรณีที่ Auditor อนุญาตให้ตัดจำหน่ายได้เร็วขึ้น เราประเมินว่าบริษัทสามารถตัดจำหน่ายได้เร็วขึ้นกว่าปัจจุบัน แต่ต่ำกว่าปีก่อน ทำให้ NPLs จะทยอยลดลงจากระดับปัจจุบันที่ 6.6% แต่ไม่ถึง 1% ตามที่บริษัทคาด และค่าใช้จ่ายสำรองฯ 2H20E จะเพิ่มขึ้นมากกว่าที่เราคาด
คงประมาณการกำไรสุทธิปี 2020E ที่ 5.34 พันล้านบาท (-3% YoY) จาก 1) สินเชื่อที่ขยายตัว +3% YoY ซึ่งขยายตัวต่ำสุดตั้งแต่ปี 2012จากสภาพเศรษฐกิจที่หดตัว และ COVID-19 และ 2) NPLs เพิ่มขึ้นเป็น 8.2% ตามการตัดจำหน่ายลูกหนี้ได้ช้าลง
ทั้งนี้เราประเมินว่าผลการดำเนินงาน 2H20E จะอ่อนตัวลง -8.5% YoY, -2.3% HoH จาก 1) รายได้ดอกเบี้ย และ NIM ที่จะลดลง โดยเราคาดว่า NIM จะลดลงอยู่ที่ 13.0% จาก 2Q20 ที่ 15.6% ตามการปรับลดเพดานอัตราดอกเบี้ยตั้งแต่ ส.ค. 2020สำหรับสินเชื่อบัตรเครดิตลงเป็น 16% (จาก 18%) และสินเชื่อส่วนบุคคลลงเป็น 25% (จาก 28%), 2) NPLs และค่าใช้จ่ายสำรองฯจะยังอยู่ในระดับสูงจากการที่ไม่ restage และ 3) ค่าใช้จ่ายทางการตลาดที่เพิ่มขึ้น ภายหลังการคลาย lock-down ตั้งแต่ต้นเดือน ก.ค. ที่ผ่านมา และการเข้าสู่ช่วงการใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นเป็นปกติใน 2H20E ในขณะที่เราคาดว่ากำไรข้างต้นนี้จะได้รับการชดเชยบางส่วนจากค่าใช้จ่ายสำรองฯที่ลดลง ตามฐานลูกหนี้ที่บริษัทสามารถ write-off ได้น้อยลง และสำรอง Management overlay ที่สูงใน 1H20
ราคาเป้าหมาย 32.00 บาท อิง 2020E PBV ที่ 3.6x (5-yr average PBV) โดยผลการดำเนินงานในระยะยาวของ KTC จะมีความเสี่ยงรายได้ดอกเบี้ยและค่าธรรมเนียมลดลง จากการปรับลดเพดานอัตราดอกเบี้ยตั้งแต่ ส.ค. 2020 และ NPLs เพิ่มขึ้น จากสภาพเศรษฐกิจที่ชะลอ และ write-off ที่ช้าลงจากปีก่อนภายใต้การบังคับใช้ TFRS9 โดยเราประเมินว่าผลการดำเนินงานในระยะยาวของบริษัทจะอยู่ที่เพียง 2019-2021E EPS CAGR +4% และ 2021E ROAE ที่ 24% จากปีก่อน 31%
อยากลงทุนสำเร็จ เป็นเพื่อนกับเรา พร้อมรับข่าวสารได้ทุกช่องทางที่
APP ทันหุ้น ANDROID คลิ๊ก https://qrgo.page.link/US6SA
APP ทันหุ้น IOS คลิ๊ก https://qrgo.page.link/QJKT7
LINE@ คลิ๊ก https://lin.ee/uFms4n5
FACEBOOK คลิ๊ก https://www.facebook.com/Thunhoonofficial/
YOUTUBE คลิ๊ก https://www.youtube.com/channel/UCYizTVGMealUUalT6VdUdNA
TELEGRAM คลิ๊ก https://t.me/thunhoon_news
Twitter คลิ๊ก https://twitter.com/thunhoon1
เว็บไซต์นี้มีการจัดเก็บคุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของคุณให้ดียิ่งขึ้น การใช้งานเว็บไซต์นี้เป็นการยอมรับข้อกำหนดและยินยอมให้เราจัดเก็บคุ้กกี้ตามนโยบายความเป็นส่วนตัวของเรา อ่านเพิ่มเติม