ทันหุ้น-สู้โควิด : PTTEP กำไรสุทธิ 4,323 ล้านบาท ต่ำคาด พิษราคาน้ำมันร่วง ยอมลดเป้าปริมาณขาย 9% เหลือ 355,000 บาร์เรลต่อวัน หั่นงบลงทุน 15-20% เลื่อนสำรวจบางโครงการ หันรุกธุรกิจใหม่ไฟฟ้า และหุ่นยนต์ พร้อมแจกปันผลปลอบ 1.50 บาท ด้านตลาดหุ้นไทยวูบกังวลผลประกอบการ ขณะที่ สศค.ปรับเป้า จีดีพี ติดลบหนักสุด 8.5%
นายพงศธร ทวีสิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด(มหาชน) หรือ PTTEP เปิดเผยว่า ไตรมาส 2/2563 บริษัทมีกำไรสุทธิ 4,323 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อน ที่มีกำไร 13,684.06 ล้านบาท หรือลดลง 68% เป็นผลมาจากการใช้พลังงานที่ลดลงจากสถานการณ์โควิด-19 และราคาน้ำมันในตลาดโลกตกต่ำช่วงที่ผ่านมา มีผลให้ราคาขายผลิตภัณฑ์ของ PTTEP เฉลี่ยลดลงประมาณ 15% มาอยู่ที่ 40.15 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล เทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน ซึ่งอยู่ที่ 47.26 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล
นอกจากนี้ บริษัทยังมีการบันทึกขาดทุนจากการด้อยค่าของสินทรัพย์จำนวน 47 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งส่วนใหญ่มาจากโครงการมาเรียนา ออยล์ แซนด์ ประเทศแคนาดา เนื่องจากคาดการณ์ราคาน้ำมันในระยะยาวที่จะทรงตัวอยู่ในระดับต่ำอย่างต่อเนื่อง ทำให้ยากต่อการพัฒนาโครงการเชิงพาณิชย์
**ปรับแผนงานใหม่
นายพงศธร กล่าวว่า สถานการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้บริษัทปรับแผนงาน ลดคาดการณ์ปริมาณขายในปี 2563 เป็น 355,000 บาร์เรลต่อวัน ลดลงประมาณ 9% จากเป้าหมายเดิม และได้ปรับลดงบประมาณในปีนี้ลง 15-20% จากเดิมที่ตั้งไว้ 143,012 ล้านบาท ตัดค่าใช้จ่ายบางส่วน และเลื่อนแผนการเจาะสำรวจในบางโครงการออกไป
ในระยะยาวบริษัทจะยังลงทุนต่อยอดธุรกิจในด้านต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นด้านสำรวจและผลิตปิโตรเลียม และการเข้าซื้อกิจการ เน้นในไทย, เมียนมา, มาเลเซีย และภูมิภาคตะวันออกกลาง โดยตั้งเป้าอัตราการเติบโตของการผลิตเฉลี่ยต่อปี (CAGR) ที่ 5% และมีอัตราส่วนปริมาณสำรองต่อการผลิตที่ 7 ปี รวมถึงการลงทุนในธุรกิจใหม่ โดยให้ความสนใจธุรกิจไฟฟ้า และธุรกิจหุ่นยนต์และปัญญาประดิษฐ์ เพื่อรับกับการเปลี่ยนแปลงด้านธุรกิจพลังงานและการเติบโตในอนาคต วางเป้าธุรกิจใหม่จะสร้างกำไร 20% ของกำไรสุทธิของบริษัทในอีก 10 ปีข้างหน้า
“เราได้กำหนดทิศทางดำเนินงานและเป้าหมายระยะยาวใน 10 ปีข้างหน้า (ปี 2573) เพื่อให้บริษัทสามารถรักษาขีดความสามารถในการแข่งขัน รวมถึงการเติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืน ซึ่งยอมรับว่าเป็นเป้าหมายที่ค่อนข้างท้าทายโดยเฉพาะอย่างยิ่งในสภาวการณ์ปัจจุบัน” นายพงศธร กล่าว
คณะกรรมการบริษัทได้อนุมัติปันผลระหว่างกาลในอัตราหุ้นละ 1.50 บาท โดยกำหนดวันที่ไม่ได้รับสิทธิปันผล (XD) ในวันที่ 13 สิงหาคม 2563 และกำหนดรายชื่อผู้มีสิทธิได้รับปันผลในวันที่ 14 สิงหาคม 2563 และจะจ่ายเงินปันผลในวันที่ 28 สิงหาคม 2563
บริษัทหลักทรัพย์ เอเชีย พลัส จำกัด ระบุว่ากำไรไตรมาส 2/2563 ของ PTTEP ต่ำกว่าที่ฝ่ายวิจัยคาดไว้ เนื่องจากมีการตั้งด้อยค่าสินทรัพย์ 1.5 พันล้านบาท และหากพิจารณาเฉพาะกำไรปกติพบว่าลดลงมีนัยยะถึง 55.7% จากไตรมาสแรกปีนี้ มาอยู่ที่ 4 พันล้านบาท กดดันจากราคาและปริมาณขายผลิตภัณฑ์ คาดกำไรปกติไตรมาส 3/2563 มีโอกาสประคองตัวใกล้เคียงกับไตรมาส 2/2563 แต่อาจเห็นการอ่อนตัวในไตรมาสสุดท้ายปีนี้ จากราคาขายก๊าซที่ปรับตัวลดลงมีนัยสำคัญ
แนะนำรอราคาหุ้นปรับฐานแล้วค่อยหาจังหวะกลับมาลงทุนรอบใหม่ แต่หากนักลงทุนมีหุ้นอยู่แล้ว อาจถือรอรับปันผลก่อนได้ โดยประเมินราคาพื้นฐานอยู่ที่ 100 บาทต่อหุ้น
**กำไรต่ำกว่าคาด
ด้านนายมงคล พ่วงเภตรา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายกลยุทธ์การลงทุนหลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ เคทีบี (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้ร่วงหลุดแนวรับที่ 1320 จุด จากความกังวลปัญหาโควิด-19 ด้านจำนวนผู้เสียชีวิตที่มากขึ้น ขณะที่การรายงานผลประกอบการของไทยและยุโรปที่ไม่สู้ดี โดยเฉพาะอุตสาหกรรมการบิน และ รถยนต์ แต่ที่น่าสนใจกว่านั้นคือมุมมองของผู้บริหารทั้ง SCC และ PTTEP ต่างมองธุรกิจกำลังเผชิญกับความท้าทาย ซึ่งเป็นมุมมองที่ไม่ค่อยดีนัก ทำให้เกิดความกังวล
นักลงทุนยังกังวลกับ สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ได้คาดการณ์ว่าในปีนี้ เศรษฐกิจไทยจะติดลบถึง 8.5% ถือเป็นตัวเลขที่ต่ำที่สุดที่มีการประเมินมา โดยมูลค่าการส่งออกสินค้าจะหดตัวที่ -11.0% การบริโภคและการลงทุนภาคเอกชนคาดว่าจะหดตัวที่ -2.6% และ -12.6% การบริโภคภาครัฐจะขยายตัว 4.3% และการลงทุนภาครัฐจะขยายตัวที่ 9.7% แต่ สศค. คาดว่าเศรษฐกิจไทยจะกลับมาขยายตัว 4-5% ในปี 2564 ประเมินกรอบตลาดหุ้นไทย แนวรับ 1300 จุด แนวต้าน 1320-1330 จุด
เว็บไซต์นี้มีการจัดเก็บคุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของคุณให้ดียิ่งขึ้น การใช้งานเว็บไซต์นี้เป็นการยอมรับข้อกำหนดและยินยอมให้เราจัดเก็บคุ้กกี้ตามนโยบายความเป็นส่วนตัวของเรา อ่านเพิ่มเติม