DTAC รายงานกำไรสุทธิงวด 3Q63 เท่ากับ 1.44 พันล้านบาท (-24%QoQ, -18.3%YoY) หดตัวลงจากรายได้ การให้บริการที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ที่ส่งผลยืดเยื้อต่อภาพกำลังซื้อและภาวะเศรฐกิจที่หดตัว รวมถึงการแข่งขันที่เริ่มรุนแรงของกลุ่มระบบเติมเงิน และจากรายได้ขายโทรศัพท์ที่ลดลงจากการปิดหน้าร้านตามศูนย์การค้า และการระมัดระวังในเรื่องการใช้จ่ายมากขึ้น โดยมี ARPU เท่ากับ 255 บาทต่อเดือน (+0.8%QoQ, -1.3%YoY) ด้านต้นทุน เพิ่มขึ้นเล็กน้อย QoQและ YoYจากการโรมมิ่งข้อมูลบนเครือข่าย 2300 MHz ของ TOT ที่ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายด้านโครงข่าย ขณะที่SG&A ลดลง YoY จากการควบคุมค่าใช้จ่ายที่มีประสิทธิภาพและดีขึ้นอย่างต่อเนื่องรวมถึงการตั้งสำรองหนี้สูญลดลง ทั้งนี้สิ้นงวด 3Q63 บริษัทรายงานEBITDA 7.76 พันล้านบาท (-4.3%QoQ, -3.0%YoY)

แนวโน้มปี 2563 เรามองว่ารายได้จะยังคงลดลง เนื่องมาจากรายได้จากการขายและบริการที่ลดลง แม้ว่าแนวโน้มลูกค้าในระบบเติมเงินจะเริ่มกลับมามากขึ้น แต่เนื่องจากความไม่แน่นอนของโควิด-19 ทำให้ DTAC ปรับลดงบลงทุนสำหรับปี อยู่ที่ 8,000 – 10,000 ล้านบาท จากการเลื่อนเวลาสับเปลี่ยนอุปกรณ์ 850/900MHz ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อลูกค้า 5G แต่มองว่ายังเป็นผลกระทบในกรอบที่จำกัด เนื่องจากอุปกรณ์สื่อสารที่รองรับ 5G และความพร้อมของ Application ยังมีอยู่อย่างจำกัด

แนะนำ “เคาะ” ครับ ทางด้านปัจจัยเทคนิค แท่งเทียนเรียงตัวLower UpและปรับทดสอบยืนSMA10วันที่ทำหน้าที่เส้นแนวรับขาขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ระหว่างวันกรอบแนวต้านSMA50วัน 33.25-33.50 ผ่านยืนมั่นคงพร้อมปริมารการซื้อขายที่เพิ่มขึ้นเป็นbuy Sig. แนวต้านจุดทดสอบสำคัญ 34.75 ผ่านยืนขึ้นมาเป็นสัญญาณซื้อต่อเนื่องและยืนยันการจบรอบขาลงใหญ่

คำแนะนำของ ASL

กรณี “มีหุ้น” ถือ เพิ่มการลงทุน / แนวต้าน 33.50/34.75 มีโอกาสทดสอบ

กรณี “ไม่มีหุ้น” ซื้อระยะสั้นเน้นยืนแนวรับ 32/30.50 ไม่ควรต่ำกว่า