ทันหุ้น- 2ยักษ์ BGRIM-SGP ผนึก รุกผลิตภัณฑ์และโซลูชั่น IoT ให้ลูกค้า โรงงานผลิตไฟฟ้า โรงกลั่นน้ำมัน อุตสาหกรรมเคมีภัณฑ์ ด้าน BGRIM ลั่นพ้นโควิด ถึงเวลาเดินหน้ากวาด PPA เข้าพอร์ตเพิ่ม คาดปีหน้าคว้ากว่า 1 พันเมกะวัตต์ ลุ้นนำเข้า LNG ได้ครึ่งปีแรก 2564 ลดต้นทุนอีก จับตาไตรมาส 4 ดีด

นางสาว แคโรลีน ลิงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และ นายฟาบรีส กู๊ดซ์แมน ประธานกลุ่มธุรกิจอุตสาหกรรม บริษัท บี.กริม จอยน์ เว็นเจอร์ โฮลดิ้ง จำกัด ร่วมลงนามความร่วมมือ (MOU)กับ นายโชคชัย มนตรีอมรเชฐ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ระยองวิศวกรรมและซ่อมบำรุง จำกัด ในธุรกิจเคมิคอลส์ เอสซีจี ร่วมมือด้านผลิตภัณฑ์และการให้บริการพร้อมโซลูชันเชิงอุตสาหกรรมด้านไอโอที (IoT) ครบวงจรแก่ลูกค้ากลุ่มโรงงานผลิตไฟฟ้า โรงกลั่นน้ำมัน อุตสาหกรรมเคมีภัณฑ์ และอุตสาหกรรมอื่นๆ

โดยลูกค้าได้รับทั้งผลิตภัณฑ์ การติดตั้ง และบำรุงรักษาที่มีคุณภาพ พร้อมแพลตฟอร์มที่สามารถทำการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงทำนาย (Predictive Analytics) ผ่านปัญญาประดิษฐ์ (AI) และการเรียนรู้ของเครื่องจักร (Machine Learning) เพื่อให้สามารถแจ้งเตือนได้ล่วงหน้า ช่วยป้องกันชิ้นส่วนหรืออุปกรณ์ไม่ให้เกิดความเสียหาย ทำให้ลดความเสี่ยงที่จะเกิดการหยุดการทำงานของโรงงานพร้อมเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิต

นางสาวแคโรลีน ลิงค์ กล่าวว่า ข้อตกลงความร่วมมือครั้งนี้ถือเป็นอีกก้าวหนึ่งที่สำคัญของ บี.กริม ที่จะเสริมสร้างความร่วมมือเชิงกลยุทธ์ทั้งทางเทคนิคและทางธุรกิจ นับว่าเป็นประโยชน์อย่างมากที่จะทำให้ทั้งสองฝ่ายสามารถตอบสนองความต้องการแก่ลูกค้าได้ในทุกๆ ด้าน

ด้าน นายฟาบรีส กู๊ดซ์แมน กล่าวว่า ความร่วมมือนี้นอกจากเป็นการกระชับความสัมพันธ์ทั้งสองกลุ่ม ยังเป็นการยกระดับมาตรฐานอุตสาหกรรมของประเทศไทย โดยทั้งสองฝ่ายอยู่ระหว่างร่วมกันศึกษาอีกกว่า 10โครงการ

@เดินหน้าคว้าPPA

นายนพเดช กรรณสูต ประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านการเงิน BGRIM เปิดเผยว่า บริษัทยังเดินหน้าในการซื้อกิจการ(M&A) เข้าพอร์ตต่อเนื่อง โดยปัจจุบันมีการเจรจาออนไลน์กับต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง และพร้อมที่จะเข้าตรวจสอบขั้นสุดท้ายเมื่อสามารถเดินทางได้ อาทิ โครงการ SPP ในประเทศมาเลเซีย กำลังการผลิตราว 200-250 เมกะวัตต์ เกาหลีใต้ 130-160 เมกะวัตต์ ในส่วนเวียดนามระยะสั้นจะเข้าลงทุนในโรงไฟฟ้าลม ราว 100-200 เมกะวัตต์ จำนวน 2-3 โครงการ

*ดีลโครงการเข้าพอร์ต

ขณะที่โครงการระยะกลาง LNG to Power โดยมีการพิจารณาความเป็นไปได้ราว 2-3 โครงการ ขนาดของโครงการตั้งแต่ 2,000-3,000 เมกะวัตต์ มีความคืบหน้าในการเจรจากับพันธมิตรท้องถิ่น และหน่วยงานรัฐ ไปมากแล้ว โดยทางรัฐบาลเวีดยามอยู่ระหว่างเตรียมที่จะประกาศแผนพัฒนาโรงไฟฟ้าหรือMaster plan ในช่วงต้นปี 2564 ซึ่งโครงการที่บริษัทศึกษาอยู่ก็จะอยู่ในแผน Master plan ด้วย

ส่วนในประเทศไทยมีโครงการที่เจรจาอีก 300-350 เมกะวัตต์ ซึ่งมีโอกาสที่จะได้ PPA เพิ่มเข้ามา ทำให้คาดว่าปีหน้าจะมีกำลังการผลิตไฟฟ้าที่สามารถบรรลุข้อตกลงและการได้มาซึ่งใบอนุญาตซื้อขายไฟฟ้า( PPA) กว่า 1,000 เมกะวัตต์

ปัจจุบันบริษัทมีกำลังการผลิตไฟฟ้าประมาณ 3,700 เมกะวัตต์ ซึ่งจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบแล้วประมาณ 3,000 เมกะวัตต์ โดยโครงการส่วนใหญ่เป็นโครงการประเภท SPP โดยบริษัทเชื่อการขยายการลงทุนต่อเนื่องจะสนับสนุนให้กำลังการผลิตไปได้ถึง 7,200 เมกะวัตต์ ปี 2568 ขณะที่ความคืบหน้าสำหรับการได้รับใบอนุญาตประกอบกิจการจัดหาและค้าส่งก๊าซธรรมชาติ (LNG Shipper) จากคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) จำนวน 650,000 ตันต่อปี อยู่ระหว่างรอกระบวนการอนุมัติ โดยมีความเป็นไปได้ที่จะนำเข้าในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2564 ซึ่งจะช่วยลดต้นทุนอีก

*รายได้ไตรมาส4/63โตต่อ

สำหรับแนวโน้มผลการดำเนินการไตรมาส 4/2563 ซึ่งอุตสาหกรรมต่างๆ ฟื้นตัวเห็นได้ชัด ส่งผลให้รายได้ เติบโตขึ้นโดดเด่น  อีกทั้งต้นทุนแก๊ซธรรมชาติลดลงมาอย่างต่อเนื่อง โดยไตรมาส 4/2563 จะลดลงมา 18% เทียบกับปีก่อน หากเทียบกับไตรมาสก่อนหน้าจะลดลงมาประมาณ 7%  ต้นทุนก๊าซธรรมชาติที่ลดลง 1 บาท จะส่งผลให้บริษัทมีกำไรเพิ่ม 15 ล้านบาท   และคาดการณ์ว่าในปี 2564 ต้นทุนก๊าซธรรมชาติ ยังจะมีแนวโน้มลดลงต่อเนื่อง ราว 9% จะอยู่ที่ประมาณ 220-223 บาทต่อMMBTU ซึ่งจะทำให้รักษามาร์จิ้นในระดับที่แข็งแกร่งได้ พร้อมกันนี้มีการบริหารจัดการปรับปรุงเครื่องจักร ทำให้โรงงานมีประสิทธิภาพมากขึ้น นำนวัตกรรมมาใช้บริหารจัดการ ซึ่งปัจจุบันมีดำเนินการไปแล้ว 4 โรง คาดว่าจะลดต้นทุนได้ 40-70 ล้าน

สำหรับสถานะทางการงานนั้นบริษัทมีความพร้อมอย่างดีเยี่ยม มีความแข็งแกร่ง บริหารจัดการ D/E ไม่เกิน 1เท่า ซึ่งบริษัทมีแผนการลงทุน 5ปี ประมาณ 170,000 ล้านบาท โดยเป็นเงินทุนราว 45,000 ล้านบาท ส่วนที่เหลือก็จะเป็นการระดมทุนจากสถาบันทางการเงิน รวมไปถึงตลาดตราสารหนี้ ซึ่งมีการเตรียมความพร้อมไว้เรียบร้อยแล้ว นอกจากนี้มีเงินสดในมือประมาณ 20,000 ล้านบาท และมีวงเงินสำหรับการรักษาสภาพคล่องประมาณ เกือบ 10,000 ล้านบาท