แนวโน้ม SET และกลยุทธ์ลงทุนประจำเดือนมี.ค.

สวัสดีครับท่านผู้อ่าน เดือน ก.พ. ดัชนีกลับลงมาต่ำกว่า 1500 จุดอีกครั้ง แม้ว่าจะมีประเด็นสนับสนุนจากการแพร่ระบาดของ COVID-19 รอบใหม่ไม่รุนแรงและกระจายวงกว้างเท่ารอบแรก อีกทั้งการพัฒนาการเชิงบวกของการเร่งกระจายวัคซีน สร้างความคาดหวังเชิงบวกต่อแนวโน้มเศรษฐกิจและผลประกอบการให้ฟื้นตัวเร็วกว่าคาด รวมทั้งมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่องจากภาครัฐ

แต่ดูเหมือนว่าตลาดฯ จะรับรู้ข่าวบวกต่างๆไปล่วงหน้าแล้ว และมองหาปัจจัยสนับสนุนใหม่ ประกอบกับความกังวลต่อการเพิ่มขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้กดดันราคาหุ้นที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นแรงก่อนหน้านี้ให้มีการย่อตัวลงจนหลุดต่ำกว่า 1500 จุด อย่างไรก็ตาม ปัจจัยลบที่ผ่อนคลายลงไปมาก ได้เป็นตัวช่วยประคองไม่ให้ดัชนีปรับลงลึกมากเกินไป

ด้านเดือน ก.พ. นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิหุ้นไทยต่อเป็นเดือนที่ 2 ที่ 1.9 หมื่นลบ.เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ขายสุทธิ 1.1 หมื่นลบ. โดยมีการเพิ่มสัดส่วนการถือครองในหุ้นกลุ่มธนาคาร พลังงาน อสังหาฯ ค้าปลีก ปิโตรฯ และขนส่ง แต่ลดการถือครองในกลุ่ม ICT ขณะที่ performance ของดัชนี MSCI Thailand ดีกว่า MSCI APAC ex. Japan ในช่วง 1 เดือนหลังสุด แต่ในช่วง 3, 6 และ 12 เดือนหลังสุดยังคงแย่กว่า ทั้งนี้ ในส่วนของประมาณการกำไรฯ ปี 64 ของ SET นั้น consensus มีการปรับขึ้นเล็กน้อยเพียง 0.55% ขณะที่จีน ไต้หวัน มาเลเซีย เกาหลีใต้ และสิงคโปร์ ปรับขึ้น 5.64%, 3.26%, 2.75, 1.65 และ 1.32% ตรงข้ามกับอินเดีย และอินโดนีเซีย ที่ปรับประมาณการกำไรปีนี้ลง 1.98% และ 25.84% ตามลำดับ

สำหรับในเดือน มี.ค. ตลาดยังมีความผันผวน จากการรายงานผลประกอบการ 4Q63 ในภาพรวมที่ออกมาค่อนข้างผสมผสาน จึงยังไม่มีปัจจัยกดดันใหม่เข้ามา ขณะที่มาตรการการเงินที่ผ่อนคลาย การกระจายวัคซีน และจํานวนผู้ป่วยใหม่ที่ลดลงทั่วโลก จะทําให้ราคาหุ้นยังอยู่ในภาพของการฟื้นตัว แต่การฟื้นตัวได้มาถึงจุดก่อนเกิด COVID-19 อาจจะเป็นจุดที่ต้องระมัดระวังมากขึ้น เราจึงแนะนําให้นักลงทุนเพิ่มการถือครองหุ้นไทยเมื่อตลาดอ่อนตัวลง เพื่อแต้มต่อในการลงทุนที่สูงขึ้น โดยมองว่าตลาดหุ้นไทยนั้นอยู่ที่กรอบแนวรับและแนวต้านเชิงจิตวิทยาที่ 1,500 จุด การปรับตัวเพิ่มขึ้นยังคงคาดหวังได้จากธีม Reflation และราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง พร้อมๆ กับธีมการเปิดประเทศ ที่จะทําให้เศรษฐกิจไทยฟื้นตัวได้แรง

โดยคาด SET ใน มี.ค. มีแนวโน้มเคลื่อนไหวผันผวน แต่ยังคงลักษณะรูปแบบ Sideways อยู่ภายในกรอบ โดยกรอบล่างอยู่ที่แนวรับ 1470 และ 1450 จุด ประเด็นวัคซีนที่เข้ามาในไทย และมาตรการที่ผ่อนปรน รวมถึงเตรียมรับนักท่องเที่ยว ช่วยประคองดัชนี อย่างไรก็ตาม มูลค่าตลาดที่ตึงตัว ดอลลาร์สหรัฐในทิศทางแข็งค่ากระตุ้นแรงขายของนักลงทุนต่างชาติ และกังวลการเพิ่มขึ้นของ Yield พันธบัตร ทำให้การปรับขึ้นถูกจำกัดที่กรอบบนบริเวณแนวต้าน 1530 และ 1560 จุด ตามลำดับ

ด้านกลยุทธ์การลงทุน พอร์ตหลัก รอเข้าซื้อเมื่อ SET ใกล้ 1450 จุด เลือกหุ้นขนาดใหญ่ที่ laggard มี valuation น่าสนใจ ได้แก่

1) หุ้นกลุ่มธนาคารที่ได้ประโยชน์ bond yield เพิ่มขึ้น BBL KTB

2) หุ้นที่ได้ประโยชน์จากการเปิดเมืองและฉีดวัคซีน CPALL HMPRO CENTEL MINT BDMS

ส่วนพอร์ตเก็งกำไร selective buy ในหุ้นสินค้าโภคภัณฑ์ แนะนำ TWPC ซึ่งราคาหุ้นยังขึ้นช้ากว่าราคาหุ้นสินค้าเกษตรอื่นๆ 

...และพบกันใหม่ในคอลัมน์ฉบับหน้าครับ ด้วยรัก และหวังดี

อยากลงทุนสำเร็จ เป็นเพื่อนกับเรา พร้อมรับข่าวสารได้ทุกช่องทางที่
APP ทันหุ้น ANDROID คลิก https://qrgo.page.link/US6SA
APP ทันหุ้น IOS คลิก https://qrgo.page.link/QJKT7
LINE@ คลิก https://lin.ee/uFms4n5
FACEBOOK คลิก https://www.facebook.com/Thunhoonofficial/
YOUTUBE คลิก https://www.youtube.com/channel/UCYizTVGMealUUalT6VdUdNA
TELEGRAM คลิก https://t.me/thunhoon_news
Twitter คลิก https://twitter.com/thunhoon1