> Trendtalk > PTG

04 มีนาคม 2021 เวลา 06:20 น.

PTG

ตลาดหุ้นไทยเมื่อวานปรับตัวเพิ่มขึ้นเกิดสัญญาณฟื้นตัวทางเทคนิคทะลุผ่านแนวต้านสำคัญที่ 1530 จุดขึ้นไป หลังจากฟื้นตัวทะลุผ่านแนวต้านที่ 1515 และ 1530 จุดขึ้นไป ทำให้แนวโน้มของSET Index มีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้นไปทดสอบแนวต้านถัดไปที่ 1550 และมีเป้าหมายในการปรับตัวเพิ่มขึ้นไปที่ 1630 จุด

สำหรับหุ้นที่น่าสนใจวันนี้ คือ PTG หรือ บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) กลุ่มธุรกิจของบริษัทแบ่งออกได้เป็น 7 กลุ่มธุรกิจ ได้แก่ 1. ธุรกิจจำหน่ายน้ำมันเชื้อเพลิง (ซึ่งเป็นธุรกิจหลักและธุรกิจเริ่มแรกของบริษัท) และธุรกิจค้าปลีก 2. ธุรกิจจำหน่ายแก๊ส LPG 3. ธุรกิจขนส่งและการจัดการคลังสินค้า 4. ธุรกิจพลังงานทดแทน และธุรกิจผลิตจำหน่ายไบโอดีเซลและน้ำมันปาล์มบริโภค 5. ธุรกิจระบบการบริหารและซ่อมบำรุงอุปกรณ์ในสถานีบริการ 6. ธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม 7. ธุรกิจให้ศูนย์บริการและซ่อมบำรุงรถยนต์ และรถเชิงพาณิชย์


ผลการดำเนินงานปี 63 มีกำไรสุทธิ 1,894 ล้านบาท คิดเป็นกำไรต่อหุ้น 1.13 บาท กำไรเพิ่มขึ้น เมื่อเทียบกับผลการดำเนินงานปี 62 ที่มีกำไรสุทธิ 1,550 ล้านบาท คิดเป็นกำไรต่อหุ้น 0.93 บาท


นายพิทักษ์ รัชกิจประการ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.พีทีจี เอ็นเนอยี (PTG) เปิดเผยว่า แผนการดำเนินงานของบริษัทฯ ในปี 64 ยังคงมุ่งเน้นการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นการขยายจำนวนสถานีบริการให้ครอบคลุมการเพิ่มการให้บริการที่มีความหลากหลายเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าให้ตรงจุดได้มากที่สุด ถึงแม้ว่าในปีนี้เศรษฐกิจของประเทศยังคงมีความไม่แน่นอนจากการระบาดของไวรัสคิด-19 ที่ยังคงส่งผลกระทบต่อภาพรวมของเศรษฐกิจและระบบการเงินของประเทศ แต่บริษัทยังคาดว่าจะเห็นการเติบโตในอุตสาหกรรมน้ำมันโดยรวม และจะสามารถรักษาระดับการเติบโตที่สูงกว่าอุตสาหกรรมเอาไว้ได้ โดยได้ตั้งเป้าเพิ่มปริมาณการจำหน่ายน้ำมันในปีนี้อยู่ที่ 8-12%


ทั้งนี้ ในปี 64 บริษัทตั้งเป้าเพิ่มสถานีบริการน้ำมันและแก๊ส LPG อีก 100-150 แห่ง รวมถึงขยายการให้บริการธุรกิจแก๊ส LPG ครัวเรือน จากการเพิ่มสาขาการให้บริการ Gas Shop อีก 50 แห่ง ในส่วนของธุรกิจ Non-Oil ในปีนี้ คาดว่าจะเพิ่มจำนวนสาขา Non-Oil อีก 100-150 สาขา เพื่อให้บริการที่หลากหลายและครอบคลุมมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ ยังคงมุ่งเน้นการคัดสรรธุรกิจใหม่ๆ ที่ช่วยตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้รอบด้านมากขึ้น ซึ่งได้จัดสรรงบการลงทุนไว้ประมาณ 4,000-4,500 ล้านบาท เพื่อรองรับการขยายสาขาของธุรกิจน้ำมัน ธุรกิจ Non-Oil และธุรกิจใหม่


ส่วนผลการดำเนินงานประจำปี 63 บริษัทมีกำไรสุทธิ 1,906 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 343 ล้านบาท หรือคิดเป็น 22% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า และมีกำไรก่อนหักภาษีและค่าเสื่อม (EBITDA) 6,315 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,046 ล้านบาท หรือคิดเป็น 20% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า เนื่องจากปริมาณการจำหน่ายน้ำมันที่เพิ่มขึ้นและการตลาดที่อยู่ในระดับปกติ ประกอบกับมีการควบคุมค่าใช้จ่ายอย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งหากไม่นำผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงมาตรฐานบัญชีฉบับที่ 16 มาคำนวณ บริษัทฯ จะมีกำไรสุทธิเท่ากับ 2,145 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 582 ล้านบาท หรือคิดเป็น 37% จากปีที่แล้ว


โดยมีรายได้จากการขายและการบริการรวม 104,423 ล้านบาท ลดลง 15,604 ล้านบาท หรือคิดเป็น 13% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า เนื่องจากการปรับตัวลดลงของราคาน้ำมันโลก จากผลกระทบของการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ส่งผลให้ราคาขายปลีกน้ำมันเฉลี่ยลดลงถึง 16% และส่งผลต่อเนื่องทำให้ค่าการตลาดของธุรกิจน้ำมันลดลงในช่วงไตรมาสแรกของปี 63 แต่ในช่วง 9 เดือนที่เหลือ ราคาน้ำมันจะมีเสถียรภาพมากขึ้น และราคาค้าปลีกน้ำมันปรับตัวสอดคล้องกับราคาต้นทุนน้ำมัน ทำให้ค่าการตลาดของธุรกิจน้ำมันกลับมาอยู่ในระดับปกติ


อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ ยังคงสามารถรักษาระดับการเติบโตสูงกว่าอุตสาหกรรมโดยรวม เนื่องจากปริมาณจำหน่ายน้ำมันโดยภาพรวมอยู่ที่ 34,837 ล้านลิตร หรือลดลง 1.2% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า ในขณะที่บริษัทมีส่วนแบ่งการตลาดเป็นเบอร์ 2 ของประเทศ โดยมีปริมาณการจำหน่ายน้ำมันอยู่ที่ 4,959 ล้านลิตรหรือเติบโต 5.9% เมื่อเทียบจากปีก่อน ซึ่งใกล้เคียงกับเป้าที่บริษัทวางไว้ที่ 6-10%


นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังคงขยายสถานีบริการอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 63 สามารถขยายสาขาสถานีบริการน้ำมันและแก๊ส LPG ได้ตามเป้าที่วางไว้รวมอยู่ที่ 67 สถานี จากที่กำหนดไว้ 50-100 สถานี ส่งผลให้บริษัทมีสถานีบริการรวม 2,094 แห่งทั่วประเทศ และจากการควบคุมการลงทุน เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด บริษัทฯ ใช้เงินลงทุนในการขยายธุรกิจน้ำมัน ธุรกิจที่ไม่ใช่ธุรกิจน้ำมัน (Non-Oil) และธุรกิจใหม่ รวม 2,043 ล้านบาท ต่ำกว่าเป้าที่วางไว้ที่ 3,000-3,500 ล้านบาท รวมถึงการรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากโครงการ Palm Complex ที่ดำเนินการโดยบริษัท พีพีพี กรีน คอมเพล็กซ์ จำกัด ซึ่งบริษัทฯ ถือหุ้น 40% โดยรับรู้กำไรเป็นจำนวน 353 ล้านบาทอีกด้วย


PTG มีราคาเป้าหมายเฉลี่ยจาก IAA Consensus อยู่ที่ 22.10 บาท โดยมีราคาเป้าหมายสูงสุดที่ 24.50 บาท และมีราคาเป้าหมายต่ำสุดที่ 20.00 บาท

ราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นเกิดสัญญาณซื้อทางเทคนิคทะลุผ่านแนวต้านสำคัญที่ 20.00 ขึ้นไป ทำให้แนวโน้มของราคาหุ้นยังมีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องไปทดสอบแนวต้านถัดไปที่ 23.50 และ 25.00 ตามกรอบแนวโน้มขาขึ้น แต่ถ้าปรับตัวลดลงต่ำกว่า 20.00 ลงไป จะมีแนวรับถัดไปที่ 18.50 


สนใจบทความย้อนหลัง และเรื่องราวที่น่าสนใจ สามารถหาดูได้ในเพจ Trendtalk

จาก
ถึง
Select...
หุ้น
Select...
หัวข้อ
Select...

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

อ่านต่อ

เว็บไซต์นี้มีการจัดเก็บคุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของคุณให้ดียิ่งขึ้น การใช้งานเว็บไซต์นี้เป็นการยอมรับข้อกำหนดและยินยอมให้เราจัดเก็บคุ้กกี้ตามนโยบายความเป็นส่วนตัวของเรา  อ่านเพิ่มเติม

X