02 เมษายน 2021 เวลา 18:14 น.
“ตลาดเกิดใหม่มีแนวโน้มเติบโตสูงและขับเคลื่อนเศรษฐกิจโลก ทั้งด้านการบริโภค , การผลิต และบริการ บลจ.วี มองเป็นโอกาสลงทุน เปิดขาย “กองทุนเปิด วี ดีเวลลอปปิ้ง เวิลด์ (WE-DEWORLD)” ระหว่างวันที่ 2 -8 เม.ย. 2564 สร้างโอกาสรับผลตอบแทนระยะยาวจากบริษัทที่ได้ประโยชน์จากการเติบโต ทั้งในและนอกตลาดเกิดใหม่ มองเศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัวดอลลาร์อ่อนค่า และมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและการฉีดวัคซีน ช่วยหนุนการเติบของตลาดเกิดใหม่”
“นายอิศรา พุฒตาลศรี”ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน วี จำกัด (บลจ.วี) เปิดเผยว่า เศรษฐกิจของกลุ่มประเทศเกิดใหม่มีการเติบโตในระดับสูงต่อเนื่องในช่วงที่ผ่านมาสูงกว่ากลุ่มประเทศพัฒนาแล้ว (G7) เฉลี่ยประมาณสองเท่า คาดว่าในปี 2050 ประเทศเกิดใหม่จะมีขนาดเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดของโลก นำโดยประเทศจีน อันดับที่ 1 อินเดียอันดับที่ 2 และ อินโดนิเซียจะอยู่ในอันดับที่ 4 โดยเฉพาะภาคการบริโภคในกลุ่มประเทศเกิดใหม่จะเติบโตแตะระดับ 30 ล้านล้านเหรียญฯในปี 2025 หรือคิดเป็นสัดส่วนครึ่งหนึ่งของทั่วโลก
ทั้งนี้ปัจจัยผลักดันสำคัญคือ การขยายตัวของสังคมเมือง (Urbanization) ประกอบกับการเติบโตของประชากร ซึ่งส่วนใหญ่เป็นกลุ่มคนอายุในช่วงระหว่าง 20-30 ปี ซึ่งเป็นกลุ่มที่ขับเคลื่อนแนวโน้มอุปสงค์ของโลก การเติบโตของชนชั้นกลาง ( Rising Middle Class) ในเอเชียโดยเฉพาะจีนและอินเดียที่จะเพิ่มขึ้นเป็น 3.5 พันล้านคนในปี 2035 ทำให้เกิดความต้องการบริโภคที่สูง ส่งผลให้เกิดการเกิดพัฒนานวัตกรรม , ออกแบบผลิตภัณฑ์ , การผลิต , การจัดจำหน่ายและการจัดการระบบห่วงโซ่การผลิตต่างๆ (Supply Chain) เพื่อรองรับความต้องการที่ขยายตัวและเปลี่ยนแปลงทางธุรกิจ
ดังนั้นการเติบโตของตลาดเกิดใหม่จะมีสัดส่วนการเติบโตต่อเศรษฐกิจโลกมากขึ้น ปัจจุบันมีสัดส่วนการเติบโตอยู่ที่ 60% ของ GDPทั่วโลกและคาดว่าจะเพิ่มเป็น 70% นับตั้งแต่นี้ไปจนถึงปี 2025 ซึ่งมีผลทำให้การได้ประโยชน์จากการเติบโตของตลาดเกิดใหม่นั้นจะไม่จำกัดอยู่ในธุรกิจของกลุ่มประเทศเกิดใหม่เท่านั้น หลายบริษัทในกลุ่มประเทศพัฒนาแล้วโดยเฉพาะบริษัทที่เข้ามาดำเนินธุรกิจในกลุ่มประเทศเกิดใหม่ มีแนวโน้มที่จะเติบโตจากความต้องการบริโภคและการบริการในระยะยาวตามไปด้วย
ด้วยแนวโน้มดังกล่าว บลจ.วี จึงเปิดเสนอขาย IPO กองทุนเปิด วี ดีเวลลอปปิ้ง เวิลด์ (WE-DEWORLD) ระหว่างวันที่ 2 -8 เม.ย. 2564 ลงทุนผ่าน กองทุนหลัก Artisan Partners Developing World FUND ที่นโยบายลงทุนในบริษัทจดทะเบียนที่ได้ประโยชน์จากการอุปโภคและบริโภคที่เติบโตในตลาดเกิดใหม่ ผ่านการบริหารโดยผู้จัดการกองทุนที่เชี่ยวชาญการลงทุนในตลาดเกิดใหม่
จุดเด่นของกลยุทธ์กองทุนหลัก คือ การ Stock pickingคัดเลือกลงทุนในบริษัทที่มีระดับการเติบโตสูงกว่าค่าเฉลี่ยของตลาด มีปัจจัยพื้นฐานการเติบโตที่แข็งแกร่ง บริษัทที่มีกระแสเงินสดมั่นคงมีความยืดหยุ่นในการดำเนินธุรกิจ (Scalability) และ มีการดำเนินธุรกิจที่ไม่กระทบต่อการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจ (Durability) ซึ่งอยู่ใน 3 กลุ่มดังต่อไปนี้
ตัวอย่างบริษัทที่เข้าไปลงทุน
ด้วยกลยุทธ์การลงทุนและการคัดเลือกบริษัท ทำให้ผลการดำเนินงานของ กองทุนหลัก Artisan Partners Developing World Fund มีการเติบโตที่น่าสนใจ โดย ณ วันที่ 28 ก.พ. 2021 ให้ผลตอบแทนย้อนหลัง 1 เดือนอยู่ที่ 0.81% ย้อนหลัง 3 เดือนอยู่ที่ 3.69% ย้อนหลังตั้งแต่ต้นปี อยู่ที่ 3.69%ย้อนหลัง 1 ปีอยู่ที่ 89.66% ต่อปีและผลตอบแทนย้อนหลังตั้งแต่จัดตั้งกองทุนอยู่ที่ 54.44% ต่อปี เทียบกับดัชนีมาตรฐาน MSCI Emerging market index อยู่ที่ 0.76% , 3.85% , 3.85% , 36.05% ต่อปี และ 16.15% ต่อปี ตามลำดับ
“บลจ.วี ประเมินว่า กระแสเงินทุนที่ไหลออกจากตลาดสหรัฐฯ ส่งผลให้เงินดอลลาร์อ่อนค่าเป็นปัจจัยที่สนับสนุนการขยายตัวของรายได้บริษัทจดทะเบียนที่ดำเนินธุรกิจระหว่างประเทศ และทำให้ตลาดหุ้นประเทศเกิดใหม่มีโอกาสปรับตัวสูงกว่าตลาดประเทศพัฒนาแล้ว ขณะเดียวกันมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและการฉีดวัคซีน ยังปัจจัยบวกให้การฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกกลับมา ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อตลาดเกิดใหม่ “กองทุน WE-DEWORLD” จึงเป็นจังหวะสำหรับการลงทุนที่น่าสนใจ เพื่อสร้างโอกาสรับผลตอบแทนในระยะยาว จากการเติบโตของกลุ่มประเทศเกิดใหม่ ” นายอิศรา กล่าว
เว็บไซต์นี้มีการจัดเก็บคุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของคุณให้ดียิ่งขึ้น การใช้งานเว็บไซต์นี้เป็นการยอมรับข้อกำหนดและยินยอมให้เราจัดเก็บคุ้กกี้ตามนโยบายความเป็นส่วนตัวของเรา อ่านเพิ่มเติม