ทันหุ้น-SCC งบไตรมาสแรกกำไรทะยาน 114% ที่ 14,914 ล้านบาท ผลจากการเติบโตอย่างโดดเด่นของทุกกลุ่มธุรกิจ ตุนกระแสเงินสดกว่าแสนล้านบาท เผยมีแผนดันบริษัทย่อย SCG Chemicals เข้าตลาดหุ้นคาดชักเจนปี 2565

บริษัทปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) หรือ SCC แจ้งตลาดหลักทรัพย์ฯ ว่าไตรมาส 1/2564 บริษัทมีกำไรสุทธิ 14,914 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 85% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน และเพิ่มขึ้น 114% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 6,971 ล้านบาท สาเหตุหลักมาจากกลุ่มธุรกิจมีผลการดำเนินงานที่ดี และบริษัทได้รับส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทร่วมเพิ่มขึ้น ในส่วน ธุรกิจซีเมนต์และผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง ขยายตัวดีขึ้นจากปัจจัยตามฤดูกาล ขณะที่ธุรกิจเคมิคอลส์มีปริมาณขายเพิ่มขึ้นเนื่องจากในไตรมาสที่ 4/2563 มีการหยุดซ่อมบำรุงโรงงานของมาบตาพุดโอเลฟินส์ (MOC) และการเริ่มผลิตของ MOC Debottleneck ประกอบกับอุปสงค์ทั่วโลกปรับตัวดีขึ้น

เช่นเดียวกับ EBITDA ที่ปรับเพิ่มขึ้น 29% จากไตรมาสก่อน มาอยู่ที่ 23,665 ล้านบาท แม้จะมีเงินปันผลรับจากบริษัทร่วมลดลงเนื่องจากในไตรมาสก่อนเป็นช่วงที่มีเงินปันผลรับจากบริษัทร่วม โดย SCG มีรายได้จากการขายเท่ากับ 122,066 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 26%เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน จากผลการดำเนินงานที่ดีขึ้นของทุกกลุ่มธุรกิจแม้จะต้องเผชิญกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19

แพ็คเกจจิ้งกำไร-รายได้โต

ทางด้านธุรกิจแพ็คเกจจิ้ง มีกำไรสำหรับงวดในไตรมาสที่ 1/2564 เท่ากับ 2,135 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 23% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน รายได้จากการขายเท่ากับ 27,253 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และมี EBITDA เท่ากับ 5,273 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 42% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมี EBITDA Margin อยู่ที่ 19% เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับ 15% ในไตรมาสที่ 1 ปี 2563

ไตรมาสที่ 1 ปี 2564 บริษัท มีส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทร่วม 5,698 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4,453 ล้านบาท หรือ 358% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทร่วมในธุรกิจเคมิคอลส์คิดเป็น 63% ของทั้งหมด หรือเท่ากับ 3,587 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3,339 ล้านบาท จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะที่มีส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทร่วมจากธุรกิจอื่นคิดเป็น 37% ของทั้งหมด หรือเท่ากับ 2,111 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,114 ล้านบาท จากช่วงเดียวกันของปีก่อน

SCC มีเงินปันผลรับในไตรมาสที่ 1 ปี 2564 เท่ากับ 311 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10% หรือ 27 ล้านบาท จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยบริษัทมีเงินปันผลรับจากบริษัทร่วม (SCG ถือหุ้น 20 - 50%) เท่ากับ 211 ล้านบาท และจากบริษัทอื่น (SCG ถือหุ้นต่ำกว่า 20%) เท่ากับ 100 ล้านบาท

กระแสเงินสดแสนล้านบ.

SCC ยังคงมีโครงสร้างทางการเงินที่มันคงโดยมีเงินสดและเงินสดภายใต้การบริหาร ณ สิ้นไตรมาสที่ 1ปี 2564 เท่ากับ 111,704 ล้านบาท ขณะที่ ณ สิ้น ไตรมาสที่ 4 ปี 2563 อยู่ที่107,150 ล้านบาท โดย SCC มีเงินทุนหมุนเวียนสุทธิ 79,361 ล้านบาท เพิ่มขึ้น จากไตรมาสก่อน 19%โดยมีอัตราหมุนเวียนสินค้าคงเหลือต่อต้นทุนขายเท่ากับ 56 วัน เทียบกับ 67 วันในไตรมาส 4/2563

นอกจากนี้ ยังได้แจ้งความคืบหน้าการลงทุนในโครงการสำคัญต่างๆ ของบริษัท เอสซีจี เคมิคอลส์ จำกัด หรือ SCG Chemicals ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่ SCC ถือหุ้นทั้งหมด รวมถึงการศึกษาความเป็นไปได้ในการปรับโครงสร้างธุรกิจเคมิคอลส์ โดยโครงการขยายกำลังการผลิตของบริษัทมาบตาพุดโอเลฟินส์ จำกัด หรือMOC ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนระหว่าง SCG Chemicals และบริษัทในกลุ่ม The Dow Chemical Company (Dow) ประเทศสหรัฐอเมริกา โดย SCC มีสัดส่วนในการถือหุ้นทางอ้อมใน MOC ที่ 67% และกลุ่ม DOW ถือหุ้นส่วนที่เหลือทั้งหมด 33%ปัจจุบันการก่อสร้างโครงการแล้วเสร็จด้วยดี โรงงานเริ่มทดลองดำเนินการผลิตแล้วและคาดว่าจะสามารถดำเนินการผลิตได้เต็มกำลังภายในเดือนพฤษภาคม 2564

ในส่วนของกลยุทธ์ด้านเศรษฐกิจหมุนเวียน SCG Chemicals ได้ลงนามในสัญญาซื้อหุ้นผ่าน SCG Chemicals Trading (Singapore) Pte, Ltd. เพื่อเข้าถือหุ้นในสัดส่วน 70% ใน Sirplaste-Sociedade Industrial de Recuperados de Plastico, S.A. หรือ Sirplaste ในวันที่ 27 เมษายน 2564 โดยคาดว่าธุรกรรมจะเสร็จสิ้นภายในปี 2564 ทั้งนี้ผู้ถือหุ้นเดิมจะยังคงถือหุ้น 30% โดย SCG Chemicals Sirplaste ประกอบธุรกิจด้านพลาสติกรีไซเคิลรายใหญ่ที่สุดในโปรตุเกส ด้วยกำลังการผลิต 36,000 ตันต่อปี

ส่ง SCG Chemicals เข้าตลาด

นอกจากนี้ SCC อยู่ระหว่างการศึกษาความเป็นไปได้ในการปรับโครงสร้างธุรกิจเคมิคอลส์ รวมถึงการเสนอขายหุ้น SCG Chemicals ต่อประชาชนทั่วไป เพื่อรองรับโอกาสในการขยายธุรกิจเคมิคอลส์ในอนาคต เช่น ความเป็นไปได้ในการขยายกำลังการผลิตในภูมิภาคอาเซียน และการลงทุนอื่นๆ ซึ่งคาดว่าการศึกษาและการปรับโครงสร้างดังกล่าวจะแล้วเสร็จภายในสิ้นปี 2565