กลุ่มเอไอเอโชว์งบQ1แกร่ง เครือบริษัทจับมือโตฝ่าโควิด

ทันหุ้น-กลุ่มบริษัทเอไอเอ อวดผลงานไตรมาสแรกปี2564หลังสาขาในหลายประเทศยังคงทำผลงานออกมาดีภายใต้ข้อจำกัดจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 หนุนมูลค่าธุรกิจใหม่ในกลุ่มบริษัทเติบโตต่อเนื่อง 19% เบี้ยประกันภัยรับปีแรกที่ 1,703 ล้านเหรียญสหรัฐ พร้อมชู “เอไอเอ ประเทศไทย แกร่งทั้งงบ ทั้งช่องทางขายที่หลากหลาย

นายหลี่ หยวน ชยอง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ กลุ่มบริษัทเอไอเอ กล่าวว่า เอไอเอมีธุรกิจใหม่ที่เติบโตมากขึ้นในทุกตลาดเมื่อเทียบกับช่วงก่อนมีสถานการณ์ของโรคระบาด ยกเว้นฮ่องกงซึ่งยังคงมีข้อจำกัดด้านการเดินทางที่ส่งผลกระทบต่อยอดขายในกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวจีนแผ่นดินใหญ่ โดยไตรมาส 1/ 2564 กลุ่มบริษัทเอไอเอมีมูลค่าธุรกิจใหม่ (VONB) เพิ่มขึ้น19% เป็น 1,052 ล้านเหรียญสหรัฐ มีเบี้ยประกันภัยรับปีแรก (ANP) 1,703 ล้านเหรียญสหรัฐ มีเบี้ยประกันภัยรับรวม (TWPI) เพิ่มขึ้น 6% เป็น 9,663 ล้านเหรียญสหรัฐ และอัตรากำไรของมูลค่าธุรกิจใหม่ (VONB margin) เพิ่มขึ้น 4.5 จุด เป็น 61.6%

ทั้งนี้ เอไอเอ ประเทศจีน ยังคงเป็นตลาดที่สร้างการเติบโตให้กลลุ่มบริษัทเอไอเอมากที่สุด และยังได้เปิดตัวสาขาใหม่ในมณฑลเสฉวนเป็นที่เรียบร้อย ภายหลังได้รับการอนุมัติจากคณะกรรมการกำกับดูแลการธนาคารและการประกันภัยแห่งประเทศจีนในเดือนมีนาคม ขณะที่ ใน ฮ่องกงได้รับผลกระทบจากข้อจำกัดด้านการเดินทาง ส่งผลกระทบต่อยอดขายในกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวจีนแผ่นดินใหญ่ ในสาขามาเก๊าอย่างไรก็ตามในแง่ของลูกค้ายังคงเติบโตที่ตัวเลขสองหลัก

ในเดือนมีนาคม การประกาศเป็นพันธมิตรธุรกิจแบงก์แอสชัวรันส์ระยะเวลา 15 ปี กับ The Bank of East Asia, Limited (BEA) ครอบคลุมฮ่องกงและจีนแผ่นดินใหญ่ ความร่วมมือครั้งนี้ช่วยขยายขีดความสามารถในการจัดจำหน่ายของบริษัทได้อย่างมาก ด้วยสิทธิพิเศษในการเข้าถึงลูกค้าในประเทศกว่า 1.2 ล้านรายของ BEA นอกจากนี้ เอไอเอยังได้รับสิทธิพิเศษในการเข้าถึงฐานลูกค้าที่เติบโตอย่างรวดเร็วและมั่งคั่งของ BEA ซึ่งถือเป็นธนาคารต่างประเทศสามอันดับแรกในจีนแผ่นดินใหญ่

เอไอเอ ประเทศไทย มีการเติบโตของมูลค่าธุรกิจใหม่ที่ดีต่อเนื่อง จากแรงสนับสนุนจากทั้งช่องทางตัวแทน และพันธมิตรธุรกิจ โดยถือเป็นตลาดที่มีมูลค่าธุรกิจใหม่ใหญ่เป็นอันดับสองของกลุ่มบริษัท โดยในไตรมาสแรกของปี 2564 อัตรากำไรของมูลค่าธุรกิจใหม่ที่เพิ่มขึ้นอย่างมาก เป็นผลมาจากการปรับเปลี่ยนธุรกิจไปสู่การมุ่งนำเสนอผลิตภัณฑ์ประกันที่คุ้มครองทั้งชีวิตและสุขภาพ รวมถึงประกันชีวิตควบการลงทุน (ยูนิต ลิงค์)

ส่วนในสิงคโปร์ มูลค่าธุรกิจใหม่ยังคงเติบโตเป็นตัวเลขสองหลักจากการขายผ่านตัวแทนประกันชีวิต ในขณะที่ยอดขายจากช่องทางของพันธมิตรลดลง เนื่องจากยอดขายธุรกิจใหม่ในต่างประเทศยังคงถูกจำกัดจากมาตรการควบคุมชายแดนอย่างต่อเนื่อง ขณะที่เอไอเอ มาเลเซีย มีการเติบโตของมูลค่าธุรกิจใหม่สูงสุดในกลุ่มบริษัท อย่างไรก็ตามในฟิลิปปินส์นั้นมูลค่าธุรกิจใหม่ลดลง สะท้อนจากผลกระทบของมาตรการควบคุมการเดินทางเข้า-ออกพื้นที่อย่างต่อเนื่อง รวมถึงในออสเตรเลียด้วย แต่หากไม่รวมตลาดทั้งสองแห่งนี้ มูลค่าธุรกิจใหม่จากตลาดอื่นๆ ถือว่าเติบโตต่อเนื่อง