ทันหุ้น – CENTEL ครึ่งปีหลังฟื้น คาดอัตราเข้าพักไตรมาส 3/2564 เฉลี่ยอยู่ที่ 14-18% ก่อนปรับตัวขึ้นในไตรมาส 4/2564 คาดอยู่ที่ 30-44% และปลายไตรมาสคาดจะปรับตัวขึ้นไปถึงระดับ 50-70% หลังคาดการณ์ตัวเลขผู้ติดเชื้อเริ่มทรงตัวในเดือนกันยายนนี้ ขณะที่เลื่อนเปิดโรงแรมใหม่ รวมถึงลดงบลงทุน3 ปี เหลือ 1.04หมื่นล้านบาท

ดร.รณชิต มหัทธนะพฤทธิ์ รองประธานอาวุโสฝ่ายการเงินและบริหาร บริษัท โรงแรมเซ็นทรัลพลาซา จำกัด (มหาชน) CENTEL กล่าวว่า บริษัทมองภาพรวมธุรกิจโรงแรมในช่วงครึ่งปีหลังนี้ คาดว่าในช่วงไตรมาส 3/2564อัตราการเข้าพัก (OCC) จะอยู่ในระดับที่ใกล้เคียงกับไตรมาสก่อน หรือคาดว่าจะเฉลี่ยอยู่ที่ 14-18% แม้มีโครงการภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์เข้ามาหนุน โดยโรงแรมเซ็นทาราแกรนด์ ภูเก็ต ได้รับอานิสงส์ดังกล่าว โดยมี OCC ในเดือนกรกฎาคมอยู่ที่ 16% และคาดว่าเดือนสิงหาคมจะอยู่ที่ 18%

ขณะที่บริษัทคาดหวังการเติบโตของ OCC ในไตรมาส 4/2564จะปรับตัวขึ้นมาอยู่ที่ 30-44%โดยเฉพาะปลายไตรมาสคาดว่า OCC จะปรับตัวขึ้นไปถึงระดับ 50-70%เนื่องจากข้อมูลสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สภาพัฒน์) คาดการณ์ว่าจากการควบคุมสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 น่าจะส่งผลให้ตัวเลขผู้ติดเชื้อเริ่มทรงตัวในเดือนกันยายนนี้ และคาดการณ์การขยายตัวทางเศรษฐกิจ (GDP) ปีนี้อยู่ที่ 0.7-1.5%

*ปรับแผนเปิดโรงแรมใหม่

ส่วนแผนการปิดหรือเปิดโรงแรมในช่วงครึ่งปีหลังนี้บริษัทได้ปรับแผนการเปิดโรงแรม ประกอบด้วย โรงแรม เซ็นทารา รีเซิร์ฟ สมุย จากกำหนดเดิมที่จะเปิดให้บริการในกลางเดือนสิงหาคมก็เลื่อนไปเปิดในเดือนตุลาคม จากความต้องการเข้าพักลดลงหลังสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ยังคงรุนแรง นอกจากนี้ยังมีแผนกลับมาเปิดให้บริการโรงแรมบางส่วนในช่วงเดือนตุลาคมนี้ ได้แก่ เซ็นทารา วิลล่า สมุย, เซ็นทาราแกรนด์ ที่กระบี่ รวมถึงหาดใหญ่, โรงแรมโคซี่ สมุย เฉวงบีช และโรงแรมเซ็นทาราแกรนด์มิราจบีชรีสอร์ท พัทยา ที่คาดจะเปิดได้อีกครั้งในต้นเดือนกันยายน

ส่วนโรงแรมที่ภูเก็ตอีก 2 แห่งที่กะตะ กะรน จะพิจารณากลับมาเปิดให้บริการกลางปี 2565 เพื่อรอการกลับมาของนักท่องเที่ยวต่างชาติ อีกทั้งวันที่ 19 สิงหาคมนี้ บริษัทมีแผนจะใช้โรงแรมในแม่สอด เปิดตัวเป็น Local Isolation Unit ซึ่งคล้ายกับสถานที่กักตัวทางเลือก (ASQ) แต่จะไม่มีแพทย์เป็นประจำ

ด้านธุรกิจอาหาร ยังคงควบคุมต้นทุนได้ดี จากประสบการณ์การระบาดของโควิด-19 ระรอบแรก ทำให้ EBITDA ของธุรกิจอาหารยังเป็นบวกอยู่ ขณะเดียวกันแม้จะเกิดการแพทยระบาดของโควิด-19 รุนแรงในไตรมาส 3/64 แต่ธุรกิจอาหารก็ได้มุ่งเน้นดิลิเวอรี่ และครัวที่ไม่มีพื้นที่หน้าร้าน (Cloud kitchen) มากขึ้น

*ลดงบลงทุนเหลือ 1.04 หมื่นล.

สำหรับด้านการลงทุนบริษัทได้ทบทวนแผนการลงทุนระยะ 3 ปี (2564-2566) ใหม่โดยปรับวงเงินเหลือ 1.04 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็นการลงทุนในธุรกิจโรงแรม 6,200 ล้านบาท, ธุรกิจอาหาร 2,800 ล้านบาท, และเพื่อการลงทุนตามความเหมาะสม 1,400 ล้านบาท ทั้งนี้บริษัทคาดการณ์ว่าสถานการณ์โควิด-19 ทั่วโลกจะคลี่คลายลงในปี 2566 จึงพิจารณาเพิ่มวงเงินลงทุนในปีดังกล่าวทั้งสิ้น 3,900 ล้านบาทโดยจะใช้ในธุรกิจโรงแรม 2,600 ล้านบาท, ธุรกิจอาหาร 800 ล้านบาท และวงเงินเพื่อการลงทุนตามความเหมาะสม 500 ล้านบาท ส่วนการลงทุนในปี 2565 นั้นมีวงเงินทั้งสิ้น 3,500 ล้านบาท แบ่งเป็นธุรกิจโรงแรม 1,700 ล้านบาท, ธุรกิจอาหาร 900 ล้านบาท และวงเงินเพื่อการลงทุนตามความเหมาะสม 900 ล้านบาท

ส่วนงบการลงทุนที่เหลือในช่วงครึ่งหลังของปี 2564 ทั้งสิ้น 3,000 ล้านบาทจะใช้จ่ายสำหรับธุรกิจโรงแรม 1,900 ล้านบาทและธุรกิจอาหาร 1,100 ล้านบาท โดยกลุ่มบริษัทฯยังคงแผนการลงทุนสำหรับโครงการโรงแรมใหม่ที่ดูไบภายในไตรมาส 4/2564 นี้ รวมถึงการปรับปรุงโรงแรมที่เกาะสมุย และแผนการก่อสร้างโรงแรมในประเทศญี่ปุ่น ตามกรอบการดำเนินงาน และพิจารณาเลื่อนการลงทุนโครงการที่มัลดีฟส์ 3 โรงแรม และโรงแรมโคซี่ เชียงใหม่ออกไป

อยากลงทุนสำเร็จ เป็นเพื่อนกับเรา พร้อมรับข่าวสารได้ทุกช่องทางที่
APP ทันหุ้น ANDROID คลิก https://qrgo.page.link/US6SA
APP ทันหุ้น IOS คลิก https://qrgo.page.link/QJKT7
LINE@ คลิก https://lin.ee/uFms4n5
FACEBOOK คลิก https://www.facebook.com/Thunhoonofficial/
YOUTUBE คลิก https://www.youtube.com/channel/UCYizTVGMealUUalT6VdUdNA
TELEGRAM คลิก https://t.me/thunhoon_news
Twitter คลิก https://twitter.com/thunhoon1