ทันหุ้น - KEX มั่นใจเทศกาลช็อปปิ้งออนไลน์หนุนครึ่งปีหลัง 2564 ขยายตัวต่อเนื่อง เล็งเปิดตัวบริการขนส่งห้องเย็นควบคุมอุณหภูมิ และขนส่งพัสดุน้ำหนักเกิน 30 กิโลกรัม และพัสดุขนาดใหญ่ รวมถึง 'KERRY Wallet' ไตรมาส 4/2564 ขยายฐานลูกค้าในกลุ่ม C2C และ B2C

นายอิศรินทร์ ภัทรมัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายงานการลงทุน  บริษัท เคอรี่ เอ็กซ์เพรส (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ KEX คาดการณ์ผลการดำเนินงานงวดครึ่งหลังของปี 2564 จะยังคงขยายตัวต่อเนื่องจากช่วงครึ่งแรกของปี 2564 หนุนจากเข้าสู่ช่วง “ไฮซีซัน” ของธุรกิจทั้ง 1.มหกรรมช็อปปิ้งออนไลน์ และ 2.เข้าสู่ช่วงเทศกาลเฉลิมฉลองส่งท้ายปี

พร้อมกันนี้ บริษัทเตรียมจะเปิดให้บริการใหม่ 2ประเภท ได้แก่ บริการขนส่งสินค้าควบคุมอุณหภูมิ (Kerry Cool) ซึ่งจะเป็นการร่วมมือกับพันธมิตรสร้างแพลตฟอร์มการให้บริการครบวงจร เข้ามาเสริมศักยภาพเกษตร, ผู้ประกอบการธุรกิจแปรรูปอาหาร, กลุ่ม SME ต่างๆ เพื่อขยายฐานลูกค้าเข้าสู่เกษตร และกลุ่มลูกค้าทั่วไปที่ใส่ใจสุขภาพต้องการสินค้าคุณภาพดี มีมาตรฐาน,  และบริการส่งสินค้าขนาดใหญ่พิเศษหรือพัสดุที่มีน้ำหนักมาก (Kerry ITL) อาทิ วัสดุตกแต่งบ้าน,  เฟอร์นิเจอร์,  ไปจนถึงวัสดุก่อสร้าง เพื่อขยายฐานลูกค้าเข้าสู่กลุ่มที่ต้องการต่อเติมบ้าน ซึ่งบริษัทมองว่าทั้ง 2 กลุ่มยังมีโอกาสในตลาดค่อนข้างมาก

เช่นเดียวกับ “เคอรี่ วอลเล็ท" ที่อยู่ระหว่างพัฒนาร่วมกับพันธมิตร ก็มีแผนเปิดตัวในช่วงไตรมาส 4/2564 เพื่อตอบโจทย์ธุรกิจอีคอมเมิร์ซ และโซเชียลคอมเมิร์ซในประเทศไทย โดยจะพัฒนาให้สามารถเชื่อมต่อระบบการชำระเงินอย่างครบวงจรยิ่งขึ้น ทั้งการชำระเงินในระบบเคอรี่, การชำระเงินผ่านแอปพลิชั่นต่างๆ การชำระเงินให้กับเครือข่ายพันธมิตร-คู่ค้าของบริษัท ฯลฯ ขณะเดียวกัน บริษัทยังมองหาโอกาสการเติบโตผ่านการเข้าซื้อกิจการ (M&A) ธุรกิจที่เหมาะสมเข้ามาเสริมศักยภาพการให้บริการของบริษัทอย่างต่อเนื่อง

ลุยขยายฐานลูกค้า

ปัจจุบันบริษัทมีสัดส่วนกลุ่มลูกค้าในกลุ่ม C2C ประมาณ 53%, กลุ่มลูกค้า B2C สัดส่วนประมาณ 45%, และกลุ่มลูกค้า B2B สัดส่วนประมาณ 2% ดังนั้นการเพิ่มบริการขนส่งสินค้าใหม่เข้ามานอกจากจะเข้ามาเสริมรายได้ให้กับบริษัทแล้ว ยังเป็นการสร้างความหลากหลายให้กับบริการขนส่งของบริษัทมากขึ้น ทำให้มีบริการให้ลูกค้าได้เลือกใช้มากขึ้น อีกทั้งยังเป็นการขยายฐานลูกค้าในกลุ่ม C2C และ B2C ให้มีสัดส่วนมากขึ้น

ขณะเดียวกันบริษัทยังควบคุมต้นทุนต่างๆ อย่างต่อเนื่อง เพื่อทำให้มีความสามารถในการทำกำไรในระดับที่ดี และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันในตลาด ประกอบกับบริษัทยังมีจุดบริการรับสินค้าเป็นจำนวนมากที่สามารถเข้าถึงลูกค้าได้อย่างครอบคลุมทั่วประเทศ 77 จังหวัด จำนวนจุดรับสินค้ามากกว่า 16,000 จุด รวมถึงระบบบริหารจัดการภายในศูนย์กระจายสินค้าอย่างมีคุณภาพ

“สถานการณ์โควิด-19 ที่กดดันบรรยากาศการเดินทางต่อเนื่องมาตั้งแต่ปีที่ผ่านมา เปลี่ยนพฤติกรรมการซื้อ-ขายสินค้าเข้าสู่โซเชียลเน็ตเวิร์กมากขึ้น ดังนั้นการสร้างระบบจัดเก็บเงินที่ปลอดภัย เพิ่มงานบริการให้ครอบคลุมสินค้าหลากหลายประเภท ควบคู่กับการควบคุมต้นทุนการดำเนินงานอย่างมีประสิทธิภาพจะเป็นปัจจัยหนุนให้บริษัทรักษาอัตราการทำกำไรไว้ได้ในระดับที่น่าพอใจ”

อนึ่งผลงานไตรมาส 2/2564 มีรายได้ 4,600 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 412 ล้านบาท หรือ 9.8% QoQ  และกำไรสุทธิ 336 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 33 ล้านบาท หรือ 10.8% QoQ บริษัทมีกระแสเงินสดจากการดำเนินงาน 1,300 ล้านบาท อีกทั้งยังชำระหนี้ที่มีต้นทุนดอกเบี้ยจ่ายเรียบร้อยแล้วส่งผลให้อัตราส่วนหนี้สินต่อทุน(Debt to Equity Ratio) สิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2564 อยู่ที่ 0.6 เท่า  โดยครึ่งปีแรก 2564 บริษัทมีปริมาณการจัดส่งพัสดุสูงกว่า 167 ล้านชิ้น เพิ่มขึ้น 10.8% YoY และเป็นสถิติสูงสุดใหม่

อยากลงทุนสำเร็จ เป็นเพื่อนกับเรา พร้อมรับข่าวสารได้ทุกช่องทางที่

APP ทันหุ้น ANDROID คลิ๊ก https://qrgo.page.link/US6SA

APP ทันหุ้น IOS คลิ๊ก https://qrgo.page.link/QJKT7

LINE@ คลิ๊ก https://lin.ee/uFms4n5

FACEBOOK คลิ๊ก https://www.facebook.com/Thunhoonofficial/

YOUTUBE คลิ๊ก https://www.youtube.com/channel/UCYizTVGMealUUalT6VdUdNA

TELEGRAM คลิ๊ก https://t.me/thunhoon_news

Twitter คลิ๊ก https://twitter.com/thunhoon1