ประกันวินาศภัยไทยพร้อมชน"คปภ." ...แจงปมธุรกิจล้ม- ประชาชนถูกลอยแพ

สมาคมประกันวินาศภัยไทย แจงปมปัญหาประกันโควิด แม้ คปภ.ไม่ให้ยกเลิกกรมธรรม์ แต่ถ้าบริษัทล้ม กรมธรรม์ดังกล่าวก็ถูกยกเลิกสัญญา และทำการคืนเบี้ยส่วนที่เหลืออยู่ดี เพราะไม่มีบริษัทประกันภัยรายใดเข้ามารับความคุ้มครองต่อภายใต้เงื่อนไขแบบเดิม คือ เจอจ่ายจบ

สมาคมประกันวินาศภัยไทย ชี้แจงจุดประสงค์ของการขอคืน “สิทธิ์บอกเลิกกรมธรรม์” เพื่อให้ สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย หรือ คปภ. กลับสู่บทบาทกำกับและดูแลธุรกิจเท่านั้น และจากการที่สมาคมเข้าไปตรวจสอบบริษัทประกันภัยที่ขายประกันโควิด-19 พบว่าส่วนใหญ่จะไม่บอกเลิกกรมธรรม์ประกันภัย โควิด-19

นั่นหมายความว่า เมื่อได้รับ “สิทธิ์บอกเลิกกรมธรรม์” กลับคืนมาแล้วก็ตาม แต่ไม่ได้แปลว่าบริษัทประกันภัยทุกบริษัทต้องการที่จะบอกเลิกกรมธรรม์ประกันภัยและลอยแพประชาชนที่ทำประกันภัย โควิด-19 กว่า 10 ล้านคนตามที่ปรากฏเป็นข่าว เพราะการการบอกเลิกสัญญาที่ให้ไว้ลูกค้าจำนวนมากถือเป็นเรื่องที่มีความอ่อนไหวสูง ทุกบริษัทจึงจำเป็นต้องพิจารณาเหตุปัจจัยรอบด้านอย่างรอบคอบที่สุด

สมาคม ชี้แจงต่อว่า สิทธิ์บอกเลิกกรมธรรม์เป็นไปตามหลักประกอบธุรกิจประกันภัยที่เป็นสากล รวมถึงกรมธรรม์ประกันภัยที่ขายในประเทศไทยกว่า 70 ล้านฉบับ ก็มีระบุไว้ แต่บริษัทประกันภัยไม่สามารถใช้สิทธิ์บอกเลิกกรมธรรม์ได้ตามอำเภอใจ

การล้มของ บริษัท เอเชียประกันภัย จำกัด (มหาชน) และบริษัท เดอะ วัน ประกันภัย จำกัด (มหาชน) ท้ายสุดแล้วก็เหมือนยกเลิกกรมธรรม์ เพราะบริษัทที่เข้ามาดูแลก็จะให้เงื่อนไขความคุ้มครองแบบใหม่ ที่ไม่ใช่ “เจอ จ่าย จบ” หรือเป็นการคืนเบี้ยประกันเพียงบางส่วนให้กับลูกค้าเท่านั้น

ทั้งนี้ คปภ. ไม่อนุญาตให้เอเชียประกันภัย และเดอะ วัน ประกันภัย บอกเลิกกรมกรรม์ประกันภัย โควิด-19 เหตุดังกล่าวส่งผลให้ทั้ง 2 บริษัท มีความรับผิดชอบต่อเคลมที่ไม่จำกัดจำนวน ทั้งในส่วนของเคลมที่เกิดขึ้นแล้วและที่จะเกิดในอนาคตในจำนวนที่สูงมาก ส่งผลทำให้ผู้ถือหุ้นและผู้ลงทุนรายใหม่ตัดสินใจไม่เพิ่มทุน

การไม่สามารถดำเนินการเพิ่มทุนจนสำเร็จ เป็นเหตุให้ทั้ง 2บริษัทต้องถูกสำนักงาน คปภ. เพิกถอนใบอนุญาตในที่สุดภายหลังจากการเพิกถอนใบอนุญาต สำนักงาน คปภ. เป็นผู้อนุญาตให้กองทุนประกันวินาศภัยบอกเลิกกรมกรรม์ประกันภัย COVID-19 และกรมธรรม์ประกันภัยประเภทอื่นๆ ทุกฉบับ และคืนเบี้ยประกันภัยเพียงบางส่วนให้กับลูกค้า โดยไม่มีการเยียวยาผู้เอาประกันภัยแต่อย่างใด

สมาคมแจงว่า หากทั้ง 2บริษัทสามารถที่จะประกอบธุรกิจต่อไปได้ ลูกค้าของทั้ง 2 บริษัทที่มีเคลมเกิดขึ้นแล้ว ก็จะได้รับการชดใช้ค่าสินไหมทดแทนอย่างครบถ้วน ในขณะที่ลูกค้าที่ยังไม่มีเคลม ก็จะได้รับการชดใช้เบี้ยประกันภัยคืนเต็มจำนวนหรือได้รับการเปลี่ยนแปลงกรมธรรม์ประกันภัย ตามมาตรการเยียวยาประชาชนที่สมาคมฯ และบริษัทประกันภัยได้เสนอต่อสำนักงาน คปภ. ตั้งแต่วันที่ 28ตุลาคม 2564แต่ไม่ได้รับการตอบรับจากสำนักงาน คปภ.

การปิดกิจการของทั้ง 2 บริษัท กระทบเป็นวงกว้าง ต่อประชาชนผู้ถือกรมธรรม์ทั้ง 2 บริษัทจำนวนกว่า 4 ล้านกรมธรรม์ ที่ท้ายสุดแล้วก็ต้องถูกบอกเลิกกรมธรรม์โดยกองทุนประกันวินาศภัย และได้รับเบี้ยประกันภัยคืนเพียงบางส่วนตามระยะเวลาความคุ้มครองที่เหลืออยู่เท่านั้น ซึ่งทำให้ผู้เอาประกันภัยได้รับคืนเบี้ยประกันภัยน้อยกว่าที่บริษัทประกันภัยเคยเสนอให้

ประชาชนหลายหมื่นคนที่มีเคลมกับเอเชียประกันภัย จำนวนประมาณ 1,800ล้านบาทและเดอะ วัน ประกันภัย จำนวนประมาณ 2,800 ล้านบาท ต้องยื่นเรื่องขอรับค่าสินไหมทดแทนจากกองทุนประกันวินาศภัย และยังไม่มีความแน่นอนว่าจะได้รับค่าสินไหมทดแทนเมื่อใด เพราะฐานะการเงินของกองทุนประกันวินาศภัยในปัจจุบันไม่เพียงพอที่จะชำระหนี้ให้กับเจ้าหนี้ทั้งหมดได้ ซึ่งตราบจนถึงปัจจุบันก็ยังไม่สามารถหาแนวทางในการจัดหาเงินทุนเพื่อมาชำระหนี้ดังกล่าว ส่งผลให้การชำระหนี้ให้กับประชาชนต้องล่าช้าออกไปอีกหลายปี

นอกจากนี้พนักงานของทั้ง 2 บริษัทถูกเลิกจ้างและไม่ได้รับเงินชดเชยตามกฎหมายแรงงานเกือบ 1,000 คน ซึ่งรวมถึงผลกระทบต่อ โรงพยาบาล อู่ซ่อมรถ ร้านอะไหล่ และคู่สัญญาอื่นๆ ไม่สามารถใช้สิทธิ์ขอรับการชำระหนี้จากกองทุนประกันวินาศภัยได้เป็นจำนวนมาก

ดังนั้นต่อให้ บริษัทประกันภัยไม่สามารถใช้ “สิทธิ์บอกเลิกกรมธรรม์” ตามคำสั่งนายทะเบียนที่ 38/2564 ก็ตาม แต่ท้ายสุดแล้วการล้มของทั้ง 2 บริษัท ก็ทำให้ผู้เอาประกันภัยถูกยกเลิกความคุ้มครองแบบเดิมอยู่ดีจากกองทุนประกันวินาศภัย