08 มิถุนายน 2022 เวลา 07:00 น.
#BBY #ทันหุ้น - วันนี้หลักทรัพย์บัวหลวงจะชวนมาอัปเดตประเด็นหุ้น Best Buy (BBY)หลังเผยงบไตรมาส 1 ปี 66(ม.ค.-มี.ค. 65)รายได้หดตัวแต่ดีกว่าที่ตลาดคาด8.5%ยอดขายจากสาขาเดิมลดลง 8%เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน แต่ลดลงน้อยกว่าที่ตลาดคาด โดยความต้องการสินค้าคอมพิวเตอร์และระบบเครื่องเสียงลดลงบริษัทมีมุมมองเชิงลบในไตรมาสถัดไป (ไตรมาส 2ปี 66) หลังคาดว่าความต้องการซื้อของผู้บริโภคมีแนวโน้มชะลอตัวในครึ่งปีหลัง โดยบริษัทปรับลดคาดการณ์รายได้ตามปีบัญชี 66 (ม.ค.-ธ.ค.65) ลงจาก49,300 – 50,800 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือลงราว 2%ซึ่งเรามองว่าเป็นผลมาจากความต้องการสินค้าที่เคยได้รับอานิสงส์ช่วงโควิด-19 เช่น คอมพิวเตอร์ มีแนวโน้มลดลง
ด้านประเด็นการเพิ่มสินค้าความงาม บุกตลาด Beauty Tech: เมื่อต้นเดือนพ.ค. บริษัทนำผลิตภัณฑ์ใหม่มาขายเพิ่ม คือ สินค้าด้านความงามที่ใช้เทคโนโลยี (Beauty Tech) เช่น เครื่องนวดหน้า ฯลฯ เนื่องจากเล็งเห็นโอกาสการเติบโตของตลาดความงาม โดยร่วมมือกับแบรนด์ชั้นนำ เช่น Foreo Vanity Planet และ PMD Beauty ในการวางขายสกินแคร์ และอุปกรณ์กว่า 100รายการทั้งช่องทางออนไลน์และตามสาขาเรามองบวกต่อการขายสินค้าความงาม หลังมีแนวโน้มโตเด่นกว่าสินค้าหลักในปัจจุบัน โดยบริษัทวิจัย Mordorintelligence คาดว่าสินค้าความงามจะโตราว 5%ต่อปี ในระยะ 5 ปีข้างหน้า ขณะที่คาดสินค้าอิเล็กทรอนิกส์โต 2% ต่อปี
ด้านประเด็นการเปิดตัว“Home Pickup Recycling ” : เมื่อปลายเดือนเม.ย. บริษัทได้เปิดตัวบริการใหม่ “Home Pickup Recycling” รับสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ที่ไม่ใช้แล้วถึงหน้าบ้านเพื่อนำไปรีไซเคิล ค่าบริการ 199.99ดอลลาร์สหรัฐ โดยมีส่วนลด 20% สำหรับผู้ที่มีบัตร “Totaltech” หรือบริการสมาชิกรายปีของ Best Buy ที่เปิดตัวไปเมื่อปลายปี 64 (199.99ดอลลาร์สหรัฐต่อปี)เรามองบวกต่อบริการใหม่นี้ เนื่องจากเป็นเจ้าแรกที่ออกบริการรับสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ถึงหน้าบ้านและนำไปรีไซเคิลให้ อีกทั้งมองว่าจะเป็นการดึงดูดให้ลูกค้าสนใจทำบัตรสมาชิกรายปีเพิ่มขึ้น ซึ่งเราประเมินว่าจะหนุนรายได้ราว 1,800 ล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 68หรือคิดเป็นสัดส่วนราว 3% ของรายได้รวม โดยคำนวณจากคาดการณ์สมาชิกที่ 9ล้านรายในปี 68 (ดังกราฟ)
ด้านประเด็นการลงทุน:เราเริ่มเห็นสัญญาณบวกจากการกลับมาซื้อหุ้นครั้งแรกในรอบ 19 ปีของ Richard M. Schulzeผู้ก่อตั้งและอดีต CEO Best Buyและถือหุ้นในสัดส่วน 11% (อันดับ 3) โดยเข้าซื้อจำนวน 250,000หุ้น ที่ราคาเฉลี่ย 79.60 ดอลลาร์สหรัฐเมื่อวันที่ 25 พ.ค. (ราคาปิดล่าสุดอยู่ที่ 80.08 ดอลลาร์สหรัฐ) Forward P/E ปีบัญชี 66 ปรับลงมาอยู่ที่ 9.2 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยหุ้นสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ที่ 14.8 เท่า ราว 39% ขณะที่ COM7 ที่ขายสินค้าไอทีคล้ายกัน มี P/E อยู่ที่ 29 เท่า ซึ่งสูงกว่า Best Buyเช่นกัน โดยเราแนะรอจังหวะสะสมบริเวณ 70 ดอลลาร์สหรัฐ หรือคิดเป็น P/E ราว 8 เท่า เนื่องจากคาดว่ากำไรจะยังชะลอตัวในไตรมาส 2 ถึงไตรมาส 3 และจะกลับมาฟื้นตัวได้ในไตรมาส 4
รู้ทันเกม รู้ก่อนใคร ติดตาม "ทันหุ้น" ที่นี่
FACEBOOK คลิก https://www.facebook.com/Thunhoonofficial/
YOUTUBE คลิก https://www.youtube.com/channel/UCYizTVGMealUUalT6VdUdNA
Tiktok คลิก https://www.tiktok.com/@thunhoon_
APP ทันหุ้น ANDROID คลิก https://qrgo.page.link/US6SA
APP ทันหุ้น IOS คลิก https://qrgo.page.link/QJKT7
LINE@ คลิก https://lin.ee/uFms4n5
TELEGRAM คลิก https://t.me/thunhoon_news
Twitter คลิก https://twitter.com/thunhoon1
เว็บไซต์นี้มีการจัดเก็บคุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของคุณให้ดียิ่งขึ้น การใช้งานเว็บไซต์นี้เป็นการยอมรับข้อกำหนดและยินยอมให้เราจัดเก็บคุ้กกี้ตามนโยบายความเป็นส่วนตัวของเรา อ่านเพิ่มเติม