#BRR #ทันหุ้น - BRR จับมือกลุ่มเจมาร์ท สร้างบุรีรัมย์โมเดล ใช้ช่องทางของ SINGER ในการจำหน่ายสินค้า และปล่อยสินเชื่อชาวไร่อ้อย ต้นทุนต่ำ วางแผนธุรกิจเพื่อสิ่งแวดล้อม บรรจุภัณฑ์ชานอ้อยทำเงินดีเร่งขยาย ขายนวัตกรรมสร้างมูลค่า ธุรกิจเชื้อเพลิงชีวมวลอัดแท่งเริ่มปีหน้า มีคาร์บอนเครดิตแถม 8.7 ล้านตัน มูลค่าสูง 2 หมื่นล้าน ส่วนธุรกิจอ้อยราคาดี ปีนี้แรง 70%

นายอนันต์ ตั้งตรงเวชกิจ ประธานกรรมการบริหาร และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท น้ำตาลบุรีรัมย์ จำกัด (มหาชน) หรือ BRR เปิดเผยว่า การที่กลุ่มบริษัท เจมาร์ท จำกัด(มหาชน) หรือ JMART เข้ามาถือหุ้นบริษัทนั้น จะมีการร่วมมือโดยนำจุดแข็งของทั้ง 2 บริษัทมาแลกเปลี่ยนกัน เพื่อเกิดประโยชน์กับ BRR และกลุ่มเจมาร์ท รวมถึงชาวไร่อ้อย ที่อยู่ในกลุ่มบริษัทกว่า 2 หมื่นครัวเรือน ซึ่งบริษัทได้จัดทำเป็นบุรีรัมย์โมเดล ด้วยการให้ บริษัท ซิงเกอร์ ประเทศไทย จำกัด(มหาชน) หรือ SINGER จำหน่ายสินค้า รวมถึงปล่อยสินเชื่อ สินเชื่อรถยนต์และสินค้าการเกษตรให้กับชาวไร่อ้อยในกลุ่มของบริษัท ในระดับต้นทุนที่ถูกลงกว่าเดิม ตลอดจนการจัดทำประกันรถยนต์ ซึ่งความร่วมมือจะขยายเพิ่มขึ้นอีกในอนาคต

@ ภาชนะชานอ้อยมาแรง

นายอนันต์ กล่าวอีกว่า กลุ่มบริษัทน้ำตาลบุรีรัมย์ มีเป้าหมายที่จะทำธุรกิจ เพื่อสิ่งแวดล้อม โดยได้วางเป้าหมายภายใน 3 ปีข้างหน้าจะลดขยะประเภทโฟม และพลาสติกให้ได้ 1.4 หมื่นตัน ซึ่งที่ผ่านมาบริษัทได้ดำเนินธุรกิจบรรจุภัณฑ์จากชานอ้อย 1 ล้านชิ้นต่อวันผลิตเต็มแล้วมีกำไรแล้ว และมีแผนที่จะขยายเพิ่มขึ้นอีกเป็น 2 ล้านชิ้นต่อวันในปีหน้า โดยธุรกิจบรรจุภัณฑ์ดังกล่าวจะเป็นการส่งออก 90% ซึ่งธุรกิจนี้นับว่ามีมูลค่าเนื่องจากบริษัทมีสิทธิบัตรในด้านการผลิตเยื่อจากชานอ้อยที่มีต้นทุนต่ำ แข่งขันได้ ซึ่งจะมีการขายนวัตกรรมนี้ให้กับกลุ่มผู้ผลิตน้ำตาลทั้งในไทยและบราซิล

@ คาร์บอนเครดิต 8.7 ล้านตัน

ขณะเดียวกันบริษัทยังมีธุรกิจเชื้อเพลิงชีวมวลอัดแท่ง หรือ Wood Pellet โดยได้ร่วมกับพันธมิตรจากสิงคโปร์และบริษัท ราชกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ RATCH จัดตั้งโรงงานที่สปป.ลาว จำนวน 4 หมื่นไร่ มีการเซ็นสัญญาขายกับลูกค้ากลุ่มญี่ปุ่นแล้ว 15 ปี เพื่อนำไปผลิตไฟฟ้าพลังงานทดแทน ซึ่งคาดว่าจะเริ่มจำหน่ายเชิงพาณิชย์ได้ในครึ่งหลังของปี 2566

โดยธุรกิจดังกล่าวยังสามารถมีมูลค่าจากคาร์บอนเครดิตได้อีก เนื่องจากบริษัทก็มีการปลูกป่า โดยจากคำนวณพบว่าจะคาร์บอนเครดิตได้ไร่ละ 219 ตันต่อไร่ ดังนั้นในอนาคตบริษัทจะมีปริมาณคาร์บอนเครดิต 8.7 ล้านตัน หากนำมาคำนวณมูลค่าซื้อขายในราคา 65 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน จะมีมูลค่าสูงถึง 569.40 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 2 หมื่นล้านบาท ทั้งนี้บริษัทยังมีการเดินหน้าโครงการเพิ่มเติมต่อไปด้วยทั้งใน สปป.ลาว และ จ.สุรินทร์ เนื่องจากเป็นโอกาสสร้างผลตอบแทนที่ดีในอนาคต

นายอนันต์ กล่าวอีกว่า บริษัทได้ตั้งเป้าหมายรายได้ปีนี้จะอยู่ที่ 7,034 ล้านบาท เติบโต 70% จากปีก่อน โดยธุรกิจหลักของบริษัทยังเป็นธุรกิจน้ำตาล ซึ่งมีสัดส่วนรายได้ราว 70-80%  ประเมินว่าในครึ่งปีหลังทิศทางธุรกิจก็ยังมีแนวโน้มที่ดีอยู่

@ อินเดียงดส่งออกราคาน้ำตาลดี

สำหรับทิศทางราคาน้ำตาลในตลาดโลกช่วงที่เหลือปีนี้ จะขึ้นยู่กับปัจจัยต่างๆ ซึ่งปัจจัยบวกประกอบด้วยความต้องการน้ำตาลทรายขาวที่ยังแข็งแกร่ง, น้ำตาลทรายดิบ ตลาดมีความต้องการเพิ่มขึ้น และการที่ราคาพลังงานลดลง ทำให้มีผู้นำเข้าน้ำตาลทรายดิบเพิ่มขึ้น และปัจจัยที่สำคัญ คืออินเดียหยุดการส่งออกน้ำตาลในช่วงไตรมาส 4/2565 นี้ เพราะจะมีการเปิดหีบน้ำตาล ส่วนปัจจัยที่กดดันราคาน้ำตาล ได้แก่การที่ดอลลาร์แข็งค่าขึ้น ทำให้เงินสกุลอื่นอ่อนตัวลง, บราซิลผลิตน้ำตาลเพิ่มขึ้น โดยรวมมองว่าราคาน้ำตาลก็ยังอยู่ในระดับที่ยังดีอยู่ จะอยู่ที่ประมาณ 18.00-19.50 เซ็นต์ต่อปอนด์

รู้ทันเกม รู้ก่อนใคร ติดตาม "ทันหุ้น" ที่นี่

FACEBOOK คลิก https://www.facebook.com/Thunhoonofficial/

YOUTUBE คลิก https://www.youtube.com/channel/UCYizTVGMealUUalT6VdUdNA

Tiktok คลิก https://www.tiktok.com/@thunhoon_

APP ทันหุ้น ANDROID คลิก https://qrgo.page.link/US6SA

APP ทันหุ้น IOS คลิก https://qrgo.page.link/QJKT7

LINE@ คลิก https://lin.ee/uFms4n5

TELEGRAM คลิก https://t.me/thunhoon_news

Twitter คลิก https://twitter.com/thunhoon1