#ทันหุ้น - สวัสดีครับนักลงทุนทุกท่าน สัปดาห์ที่ผ่านมา ถือเป็นช่วงเวลาที่ดีของตลาดหุ้นไทย เพราะแทบไม่ได้รับผลกระทบจากผลประชุม FOMC ที่กดดันบรรยากาศการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงอย่างหนัก เพราะฉะนั้น ผมคาด SET Index จะค่อยๆ ไต่ระดับขึ้นหลังจากนี้หาแนวต้านที่ 1,660 - 1,670 จุด โดยมีจุดที่น่าสนใจคือ การประชุม กนง. วันที่ 28 ก.ย. ซึ่งผมคาดว่าจะขึ้นดอกเบี้ย 0.25% เป็น 1.00% และผลวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญกรณีนายกฯดำรงตำแหน่งครบ 8 ปีวันที่ 30 ก.ย. ไม่ว่าผลจะออกมาเป็นเช่นไร ถ้าเป็นทางออกที่เกิดขึ้นในระบบสภาฯ ผมประเมินว่าจะให้ผลที่เป็นกลางต่อตลาดหุ้นไทย

สำหรับหุ้นที่ผมนำมาเล่าให้ฟังวันนี้ เป็นหุ้นที่เคยให้เล่าให้ฟังเบื้องต้นไปแล้ว แต่ที่นำมาเล่าให้ฟังเพิ่มเติม เพราะทาง บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด มีการออกบทวิเคราะห์ฉบับเต็ม ซึ่งเมื่อนักลงทุนได้อ่านแล้ว ผมคาดว่าจะได้ทั้งไอเดียในการลงทุน และความรู้ที่สามารถนำไปปรับใช้สำหรับการดำเนินธุรกิจได้ ซึ่งก็คือหุ้น KISS เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์เมื่อ 19 ก.พ. 2564 ด้วยราคา IPO ที่ 14.00 บาท ซึ่งเป็นช่วงที่สถานการณ์การระบาด COVID-19 เริ่มเห็นสัญญาณที่ดีขึ้น ทำให้บริษัทมีมุมมองเชิงบวกต่อการฟื้นตัวของการบริโภคในประเทศ และเริ่มส่งออกไปยังอินโดนีเซีย แต่ด้วยการกลับมาระบาดอย่างหนักถึงขั้น Lockdown ใน 3Q/65 กระทบการบริโภคและรายได้ของบริษัทอย่างมีนัยสำคัญ รายได้ในปี 2564 หดตัว 20.0%YoY เหลือเพียง 772 ลบ. จากที่เคยทำได้ถึงระดับ 1,000 ลบ. ในปี 2562 ก่อนการระบาด ทำให้ราคาหุ้นปรับตัวลงและราคาตลาดปัจจุบันยังต่ำกว่าราคา IPO ค่อนข้างมาก จากที่เป็นหุ้นเติบโตกลายเป็นหุ้นหดตัว เพราะได้รับผลกระทบโดยตรงจากการ Lockdown ทำให้แผนการดำเนินงานต่างๆ เลื่อนออกไป แต่แม้ว่ารายได้จะหดตัว สิ่งที่ยังทำได้ดีคือ การรักษาระดับ GPM ที่สูงกว่า 50% ไว้ได้ ดังนั้นหากสถานการณ์กลับมาเป็นปกติกำไรของ KISS ควรมากกว่าก่อน COVID-19 เพราะมีการออกสินค้าใหม่จำนวนมาก และมีการขยายตลาดไปยังประเทศอินโดนีเซีย และประเทศอื่นๆ ใน ASEAN

ช่วง 1H/65 รายได้ชะลอตัว 18.2% YoY จากการบริโภคในประเทศที่ยังไม่ฟื้น จากความตึงเครียดของสถานการณ์ระหว่างรัสเซียและยูเครน ทำให้ต้นทุนค่าครองชีพสูงขึ้น การท่องเที่ยวยังฟื้นตัวแบบค่อยเป็นค่อยไป ทำให้ดัชนีราคาผู้บริโภคยังไม่ฟื้น แต่ใน 3Q/65 เริ่มเห็นการฟื้นตัวของความเชื่อมั่นผู้บริโภค กิจกรรมทางเศรษฐกิจเริ่มกลับมาใกล้เคียงปกติ ทำให้บริษัทเห็นสัญญาณการฟื้นตัวของอุปสงค์จึงตัดสินใจออกสินค้าใหม่ราว 35 – 40 SKU ใน 2H/65 จาก 1H/65 ที่ออกไปเพียง 17 SKU และมากกว่าปกติที่ออกราว 25 – 30 SKUต่อปี เราคาดกำไรปกติ 3Q/65ที่ 31 ลบ. (+8.3% QoQ, +94.1% YoY) และจะเด่นใน 4Q/65 คาดที่ราว 45 – 50 ลบ. จากสินค้าที่ออกใหม่ใน 3Q/65 เริ่มสร้างรายได้ นอกจากนี้เป็นไตรมาสแรกที่จะเริ่มมีรายได้จากสเปรย์พ่นจมูกป้องกันเชื้อ COVID-19 (ยังไม่รวมในประมาณการ) เราคาดกำไรปกติปี 2565 ที่ 121 ลบ. (+12.1% YoY) และคาดกำไรปกติปี 2566 ทำระดับสูงสุดใหม่ที่ 204 ลบ. (+68.9% YoY) ซึ่งเรายัง Conservative ทั้งรายได้ และ GPM เนื่องจากยังให้อยู่ระดับต่ำกว่าก่อน COVID-19 แต่ปี 2566 มีสินค้าใหม่ และมีรายได้จากประเทศอินโดนีเซีย

บริษัทตั้งเป้ารายได้ที่ 3,000 ลบ. ภายในปี 2569 หรือเติบโตเฉลี่ย 31.2% ต่อปี CAGR 5 ปี (2564 – 2569) ขณะที่เรายังคาดรายได้ไว้ที่เพียง 1,779 ลบ. เติบโตเฉลี่ย 18.2% CAGR 5 ปี (2564 – 2569) ต่ำกว่าเป้าหมายของบริษัทอยู่ 41% โดยบริษัทมองโอกาสของการเติบโตในตลาดต่างประเทศ และการออกสินค้ากลุ่มใหม่ทางการแพทย์และสินค้าเพื่อสุขภาพในประเทศ รวมถึงไม่ปิดโอกาสของการ M&A เพื่อให้ได้รายได้ไปตามเป้าหมาย หากบริษัททำได้ตามเป้าจะเป็น Upside Risk ต่อประมาณการอย่างมีนัยสำคัญ ที่ประมาณการปัจจุบันของเราได้ราคาเป้าหมายสิ้นปี 2566 ด้วยวิธี DCF (TG =4%, WACC 8.0%) อยู่ที่ 11.90 บาท มี Upside Gain 40.0% จึงเริ่มต้นคำแนะนำ “ซื้อ” ปัจจุบันซื้อขายที่ PER66 เพียง 25.0 เท่า เทียบกลุ่มในภูมิภาคเฉลี่ยอยู่ที่ 32.7 เท่า และในประเทศเฉลี่ยที่ 27.8 เท่า

ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามบทความของ บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด ขอให้ทุกท่านโชคดีในการลงทุน พบกันใหม่สัปดาห์หน้า สวัสดีครับ

รู้ทันเกม  รู้ก่อนใคร  ติดตาม  "ทันหุ้น"  ได้ทุกช่องทางเหล่านี้ 

FACEBOOK คลิก https://www.facebook.com/Thunhoonofficial/ 

YOUTUBE คลิก https://www.youtube.com/c/ThunhoonOfficial

Tiktok คลิก https://www.tiktok.com/@thunhoon_ 

APP ทันหุ้น ANDROID คลิก https://qrgo.page.link/US6SA 

APP ทันหุ้น IOS คลิก https://qrgo.page.link/QJKT7 

LINE@ คลิก https://lin.ee/uFms4n5 

TELEGRAM คลิก https://t.me/thunhoon_news 

Twitter คลิก https://twitter.com/thunhoon1