#ทันหุ้น - ตลาดหุ้นไทยเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาปรับตัวลดลงไปทดสอบแนวรับที่ 1,630 ก่อนที่จะฟื้นตัวกลับขึ้นไปทดสอบแนวต้านที่ 1,650 โดยมีแนวรับสำคัญที่ 1,630-1,635 ถ้าหลุดจะมีโอกาสปรับตัวลดลงต่อเนื่องไปทดสอบแนวรับถัดไปที่ 1,610-1,615

สำหรับหุ้นที่น่าสนใจวันนี้ คือ KSL หรือ บริษัท น้ำตาลขอนแก่น จำกัด (มหาชน) ดำเนินธุรกิจเป็นผู้ผลิตและจำหน่ายน้ำตาลทราย รวมทั้งผลิตภัณฑ์เกี่ยวเนื่อง เช่น ไฟฟ้า เอทานอล และปุ๋ยอินทรีย์

ผลการดำเนินงานไตรมาสที่ 3 (ปิดงบปีวันที่ 30 ก.ย.) ปี 65 มีกำไรสุทธิ 518 ล้านบาท คิดเป็นกำไรต่อหุ้น 0.118 บาท กำไรเพิ่มขึ้น เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 64 มีกำไรสุทธิ 55 ล้านบาท คิดเป็นกำไรต่อหุ้น 0.013 บาท

ผลการดำเนินงาน 9 เดือนแรกของปี 65 มีกำไรสุทธิ 1,265 ล้านบาท คิดเป็นกำไรต่อหุ้น 0.287 บาท กำไรเพิ่มขึ้น เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 64 มีกำไรสุทธิ 466 ล้านบาท คิดเป็นกำไรต่อหุ้น 0.106 บาท

นายชลัช ชินธรรมมิตร์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.น้ำตาลขอนแก่น (KSL) เปิดเผยว่า บริษัทคาดปริมาณอ้อยเข้าหีบปี 66 ที่จะเริ่มฤดูกาลหีบอ้อยในช่วงเดือน พ.ย.65 ไปจนถึงเดือน มี.ค.66 จะเพิ่มขึ้นมาที่ระดับ 8.20 ล้านตันอ้อย และมีปริมาณการผลิตน้ำตาลราว 9 แสนตัน จากปี 65 ที่มีปริมาณอ้อยเข้าหีบอยู่ที่ 6.56 ล้านตันอ้อย คิดเป็นปริมาณการผลิตน้ำตาลประมาณ 6.9-7 แสนตัน เป็นผลจากสภาวะอากาศที่เอื้อต่ออ้อย

ขณะที่คาดปริมาณการขายในปี 66 ยังคงเติบโตต่อเนื่อง จากราคาขายน้ำตาลที่ปรับตัวขึ้นตามต้นทุนที่เพิ่มขึ้น โดยคาดการณ์ราคาน้ำตาลจะอยู่ที่ราว 18 เซ็นต์ต่อปอนด์ บวก-ลบ ได้รับปัจจัยหนุนจากราคาพลังงาน เงินเฟ้อ และสงครามระหว่างรัสเซีย-ยูเครน รวมถึงความตึงเครียดระหว่างสหรัฐ จีน ไต้หวัน ขณะเดียวกันผู้ผลิตและส่งออกน้ำตาลรายใหญ่ที่สุดในโลก อย่าง อินเดีย ก็ยังไม่มีแนวโน้มชัดเจนว่าจะมีการส่งออกของรัฐบาลอินเดีย และดีมานด์ของเวียดนามก็กลับเข้ามาในตลาด โดยมีการนำเข้าน้ำตาล ราว 1-2 ล้านตัน ซึ่งถือเป็นปัจจัยหนุนต่อราคาน้ำตาล

ส่วนปัจจัยลบที่กดดันต่อราคาน้ำตาล คือ สถานะการคาดการณ์เกินดุลในปี 66 จะอยู่ใกล้ 2 ล้านตัน, การปรับภาษีพลังงานในบราซิล โดยเฉพาะเอทานอล จะส่งผลให้ราคาปรับตัวลงมา และดึงราคาน้ำตาลลงมาอยู่ใกล้ราคาเอทานอล, การเติบโตทางเศรษฐกิจ และเทรนด์การบริโภคน้ำตาลที่ลดลง รวมถึงค่าเงินดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้น ส่งผลให้ Sugar Currency ที่เป็นผู้ผลิตอ่อนค่า อีกทั้งปัจจุบันกองทุนยังคงถือสถานะขายสุทธิ

อย่างไรก็ตาม บริษัท อ้อยและน้ำตาลไทย จำกัด (อนท.) หรือ TCSC ได้มีการทำสัญญาขายน้ำตาลล่วงหน้าในปี 66 ไปแล้วถึง 50% เป็นราคาน้ำตาลที่ประมาณ 20.20 เซ็นต์ต่อปอนด์ มีค่าเฉลี่ยของค่าเงินบาทอยู่ที่ 34.80 บาทดอลลาร์ โดยราคาน้ำตาลใกล้เคียงกับปีก่อน แต่ค่าเงินบาทดีขึ้นประมาณ 2 บาท ส่งผลให้ผู้ผลิตน้ำตาลหรือโรงงานน้ำตาลมีผลตอบแทนที่ดีขึ้น

สำหรับปริมาณการขายในครึ่งปีหลังของปี 65 คาดว่าจะเติบโตได้ต่อเนื่องจากครึ่งปีแรก จากอ้อยที่เพิ่มขึ้น และราคาขายที่เพิ่มขึ้น ค่าเงินบาทที่อ่อนค่าลง ซึ่งล้วนเป็นปัจจัยบวกต่อบริษัท ขณะที่ธุรกิจเอทานอล ยอมรับว่าครึ่งปีแรกยังไม่ค่อยดี จากวัตถุดิบปรับตัวขึ้นสูง และสถานการณ์ก็ไม่ได้ทำให้ราคาเอทานอลปรับตัวขึ้นไปตามต้นทุน แต่ครึ่งปีหลังคาดว่าราคาจะค่อยๆ ขยับขึ้น ส่งผลดีต่อผลประกอบการของเอทานอลดีกว่าครึ่งปีแรก หรือกลับมามีกำไรที่ดีขึ้นพอสมควร ทำให้ผลการดำเนินงานในปีนี้ไม่น่าเป็นห่วง

ด้านงบลงทุนปี 65 ที่จะสิ้นสุดต.ค.65 วางไว้ที่ 300 ล้านบาท แต่อาจจะใช้ไม่ถึง ส่วนปี 66 วางไว้ที่ 400 ล้านบาท เป็นการลงทุนเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพเป็นหลัก หากมีโครงการใดที่มีรีเทิร์นได้เร็วก็อาจจะมีการลงทุนเพิ่มเติม

ราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นเกิดสัญญาณฟื้นตัวทางเทคนิคเข้าใกล้แนวต้านของเส้นแนวโน้มขาลงที่ 3.98-4.00 หลังจากปรับตัวเพิ่มขึ้นไปเคลื่อนไหวเหนือเส้นค่าเฉลี่ย 200 วัน ทำให้แนวโน้มของราคาหุ้นมีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้นทะลุผ่านแนวต้านสำคัญที่ 4.00 ขึ้นไปทดสอบแนวต้านที่ 4.30-4.40 แต่ถ้าปรับตัวลดลงต่ำกว่า 3.80 ลงไป จะมีแนวรับถัดไปที่ 3.70

รู้ทันเกม  รู้ก่อนใคร  ติดตาม  "ทันหุ้น"  ได้ทุกช่องทางเหล่านี้ 

FACEBOOK คลิก https://www.facebook.com/Thunhoonofficial/ 

YOUTUBE คลิก https://www.youtube.com/c/ThunhoonOfficial

Tiktok คลิก https://www.tiktok.com/@thunhoon_ 

APP ทันหุ้น ANDROID คลิก https://qrgo.page.link/US6SA 

APP ทันหุ้น IOS คลิก https://qrgo.page.link/QJKT7 

LINE@ คลิก https://lin.ee/uFms4n5 

TELEGRAM คลิก https://t.me/thunhoon_news 

Twitter คลิก https://twitter.com/thunhoon1