> กองทุน >

28 ตุลาคม 2022 เวลา 08:45 น.

บลจ.กรุงศรีคัด SSF-RMF เลือกธีมเด่นลุยโค้งท้าย

#บลจ.กรุงศรี #ทันหุ้น บลจ.กรุงศรี ข้อมูลอดีตชี้เศรษฐกิจสหรัฐถดถอย หุ้นจะลงต่ออีกราว 10% จากปัจจุบัน ส่วนยุโรปแนะนำชะลอลงทุน ขณะที่เอเชียกำลังฟื้นตัว โอกาสลงทุนระยะยาวกับ SSF-RMF เพื่อลดหย่อนภาษีปลายปี ชู เวียดนาม –จีน- ไทย น่าสนใจ ส่วนธีมหุ้นโลก เน้น ESG และธุรกิจที่แบรนด์ดังครองฐานลูกค้าทั่วโลก


นางสุภาพร ลีนะบรรจง กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงศรี จำกัด หรือ บลจ.กรุงศรี กล่าวถึงภาพรวมเศรษฐกิจโลกในปัจจุบันว่า มีแนวโน้มชะลอตัวอย่างชัดเจน เห็นได้จากธนาคารกลางหลายประเทศได้เร่งขึ้นดอกเบี้ยเพื่อสกัดเงินเฟ้อที่เพิ่มสูงขึ้น และการแข็งค่าของดอลลาร์สหรัฐส่งผลให้เงินเฟ้อในประเทศอื่น ๆ เร่งตัวขึ้นตามไปด้วย การที่เงินเฟ้อพุ่งสูงขึ้นทั่วโลกมาจากปัญหาด้านซับพลาย (supply) จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก


ทั้งนี้ รัสเซีย และจีน ซึ่งเป็นผู้ผลิตรายใหญ่ของโลกต่างส่งออกได้น้อยลง ซึ่งเป็นผลจากสงครามและการล็อกดาวน์ที่ผ่านมา โดยคาดว่าเงินเฟ้อจะชะลอลงในปี2566 จากผลของฐานที่สูงขึ้น และหน่วยงานต่างๆ จะทยอยปรับลดคาดการณ์จีดีพีโลกในเร็วๆ นี้ การเติบโตของเศรษฐกิจในปี2566จะมีความแตกต่างกัน โดยเศรษฐกิจของประเทศตะวันตกมีแนวโน้มหดตัวหรือเข้าสู่ภาวะถดถอย ในขณะที่เศรษฐกิจเอเชียและกลุ่มประเทศตลาดเกิดใหม่มีแนวโน้มกลับมาเติบโตดี เนื่องจากเศรษฐกิจเพิ่งเริ่มฟื้นตัว และมีแรงส่งจากความต้องการซื้อที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว (pent-up demand)


หุ้นสหรัฐมีแววลงต่อ

นางสุภาพร กล่าวต่อไปว่า มุมมองการลงทุนที่มีต่อสหรัฐอเมริกานั้น คาดว่ามีแนวโน้มที่ความผันผวนจะเพิ่มขึ้นจากความไม่แน่นอนว่าดอกเบี้ยจะไปแตะจุดสูงสุดที่ระดับใด ความเสี่ยงขาลงยังคงมีอยู่สูง ซึ่งข้อมูลในอดีตบ่งชี้ว่าในช่วงเศรษฐกิจชะลอตัว ตลาดหุ้นสหรัฐอาจปรับตัวลงอีกอย่างน้อย 10% จากระดับปัจจุบัน และเฟดคาดการณ์เศรษฐกิจสหรัฐอาจขยายตัวเพียง 0.2% ในปีนี้ ก่อนที่จะขยายตัว 1.2% ในปีหน้า


“เงินเฟ้อสหรัฐจะทยอยปรับตัวลดลงตามราคาน้ำมันที่ลดลง โดยค่าแรงที่เพิ่มราว 5%ในปีนี้และเงินเฟ้อที่ขยายตัวเป็นวงกว้างจะส่งผลให้เงินเฟ้อชะลอลงช้า การแข็งค่าของดอลลาร์ช่วยลดแรงกดดันเดินเฟ้อได้บ้าง ดังนั้นหากดอลลาร์อ่อนค่าลงเงินเฟ้ออาจเร่งตัวขึ้น”


ยุโรปศก.ถดถอย

สำหรับยุโรปยังคงมีความเสี่ยงสูงจากหลายปัจจัย และยังไม่เห็นว่าปัญหาจะยุติเมื่อใด จึงแนะนำให้ชะลอการลงทุนในภูมิภาคนี้ เพราะมีโอกาสที่เศรษฐกิจจะเข้าสู่ภาวะถดถอยสูงมาก ดัชนีชี้นำเศรษฐกิจปรับตัวลดลงต่อเนื่อง โดยเศรษฐกิจอาจเริ่มหดตัวตั้งแต่ไตรมาส 3/65 จากสงครามรัสเซีย-ยูเครนที่ยืดเยื้อ และปัญหาวิกฤตพลังงาน ภัยแล้ง การขาดแคลนอาหาร และการขาดแคลนอุปทาน อีกทั้งปัญหาด้านเศรษฐกิจและเงินเฟ้อสูงอาจนำไปสู่การประท้วงที่รุนแรงในหลายประเทศ


นางสุภาพร  มองว่า ญี่ปุ่นถือเป็นตลาดที่มีความน่าสนใจ เนื่องจากการอ่อนค่าของเงินเยนจะส่งผลให้บริษัทญี่ปุ่นที่อยู่ในต่างประเทศส่งเงินกลับประเทศเป็นเงินเยนได้มากขึ้น และธนาคารกลางญี่ปุ่นยืนยันที่จะใช้นโยบายการเงินที่ผ่อนคลายต่อไปเพื่อหนุนให้เศรษฐกิจขยายตัว เงินเฟ้อยังคงอยู่ในระดับต่ำ และการเปิดประเทศเต็มรูปแบบจะช่วยหนุนให้เศรษฐกิจฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง


เลือกจีน-เวียดนาม-ไทย

ในส่วนของประเทศจีนยังคงได้รับความสนใจจากนักลงทุนเช่นกัน จากการที่เศรษฐกิจมีแนวโน้มฟื้นตัว ราคาหุ้นปรับลงมามาก มีปัจจัยสนับสนุนจากการที่ปัจจุบันรัฐบาลจีนมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจโดยล่าสุดอยู่ที่ 1ล้านล้านดอลลาร์ การผ่อนคลายมาตรการสกัดโควิด และการเปิดประเทศ จะส่งผลให้จีนกลับมาเติบโตได้ดี และเป็นแรงขับเคลื่อนเศรษฐกิจโลก ประเทศจีนไม่มีแรงกดดันจากเงินเฟ้อ การชะลอตัวของเศรษฐกิจเป็นผลจากการล็อคดาวน์เป็นหลัก 


"อย่างไรก็ตามปัญหาภาคอสังหาริมทรัพย์ และความขัดแย้งในช่องแคบไต้หวันยังคงเป็นปัจจัยกดดันตลาด

ประเทศเวียดนาม มีเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งโดยไตรมาสล่าสุดมีการเติบโตของ GDP สูงถึง 13% การบริโภคภายในประเทศเติบโตสูงถึง 50%มีเม็ดเงินลงทุนจากต่างชาติเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่หุ้นมีราคาถูกอีกด้วย”


สำหรับประเทศไทยนั้นมีภาพรวมที่น่าสนใจที่สุดเมื่อเทียบกับตลาดอื่นๆ จากแนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจที่ดีกว่าที่คาดและโตสวนทางกับเศรษฐกิจโลกโดยได้แรงหนุนจากการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยว การบริโภคภายในประเทศ และการส่งออก ซึ่งสะท้อนว่าเครื่องจักรสำคัญที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยเดินหน้าต่อเนื่อง ด้านการส่งออกของไทยในปีนี้ขยายตัวได้ดีในทุกตลาด ยกเว้นตลาดจีน หากจีนผ่อนคลายมาตรการล็อคดาวน์จะส่งผลดีต่อการส่งออกของไทยอย่างมาก


“คาดการณ์ว่า ธปท. จะขึ้นดอกเบี้ยอย่างช้าๆ เพื่อให้ดอกเบี้ยเข้าสู่ระดับปกติ ในส่วนของตลาดตราสารหนี้ไทยยังคงได้รับแรงกดดันจากการขึ้นดอกเบี้ยของเฟด ควรเน้นลงทุนในกองทุนตลาดเงิน หรือกองทุนตราสารหนี้ระยะสั้น เพื่อรอให้ตลาดมีความชัดเจนมากกว่านี้ นอกจากนี้การลงทุนในหุ้น defensive ที่มีความทนทานต่อภาวะตลาดก็เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ”


เปิดธีมลงทุน SSF-RMF

นางสุภาพร  กล่าวว่า การลงทุนให้สอดคล้องกับแนวโน้มเศรษฐกิจโลกและธีมการลงทุนที่มีแนวโน้มเติบโตในอนาคตจะช่วยเพิ่มโอกาสรับผลตอบแทนที่ดีในระยะยาว อีกทั้งปลายปียังเป็นการลงทุนเพื่อรับสิทธิลดภาษีผ่ายกองทุน SSF และ RMF ด้วย ซึ่ง บลจ. กรุงศรี แนะนำภูมิภาคที่น่าสนใจ หรือธีมที่มีโอกาสเติบโตควบคู่ไปกับระดับความเสี่ยงที่สามารถรับได้ เช่น ถ้ารับความเสี่ยงได้สูง อาจเลือก SSF-RMF ที่ลงทุนในหุ้นไทยที่เป็นบริษัทใหญ่ใน SET100 คือ กรุงศรี SET100-เพื่อการออม (KFS100SSF), กรุงศรี SET100 เพื่อการเลี้ยงชีพ (KFS100RMF)


ทางเลือกลงทุนจีน กรุงศรีไชน่าเมกะเทรนด์เพื่อการออม (KFCMEGASSF), กรุงศรีไชน่าเมกะเทรนด์เพื่อการเลี้ยงชีพ (KFCMEGARMF) ลงทุนในกลุ่มบริษัทเมกะเทรนด์ของจีน 


หากสนใจลงทุนเวียดนาม แนะนำกรุงศรีเวียดนามอิควิตี้เพื่อการออม (KFVIETSSF), กรุงศรีเวียดนามอิควิตี้เพื่อการเลี้ยงชีพ (KFVIETRMF) 


ลงทุนในแบรนด์ที่แข็งแกร่งและมีฐานลูกค้าอยู่ทั่วโลก กับ กรุงศรีโกลบอลแบรนด์อิควิตี้ปันผลเพื่อการออม (KFGBRANSSF), กรุงศรีโกลบอลแบรนด์อิควิตี้เพื่อการเลี้ยงชีพ (KFGBRANRMF) หรือ กรุงศรี Equity Sustainable Global Growth เพื่อการออม (KFESGSSF),กรุงศรี Equity Sustainable Global Growth เพื่อการเลี้ยงชีพ (KFESGRMF)  ลงทุนในหุ้นของบริษัทที่มีคุณภาพสูงและสอดคล้องกับธีมเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) ของสหประชาติ ซึ่งได้รับความร่วมมือจาก 193 ประเทศทั่วโลก และเม็ดเงินลงทุนในธีม ESG ยังคงเป็นบวกในขณะที่หุ้นกลุ่มอื่นปรับลดลง


หลบภัยเชิญตราสารหนี้

แต่ถ้าไม่อยากเสี่ยงมาก นางสุภาพร แนะนำกระจายมาลงทุนใน SSF- RMF กลุ่มตราสารหนี้อย่าง กรุงศรีแอคทีฟตราสารหนี้-เพื่อการออม (KFAFIXSSF), กรุงศรีแอคทีฟตราสารหนี้เพื่อการเลี้ยงชีพ (KFAFIXRMF) เพื่อช่วยกระจายความเสี่ยงของพอร์ตในภาพรวมได้

จาก
ถึง
Select...
หุ้น
Select...
หัวข้อ
Select...

เว็บไซต์นี้มีการจัดเก็บคุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของคุณให้ดียิ่งขึ้น การใช้งานเว็บไซต์นี้เป็นการยอมรับข้อกำหนดและยินยอมให้เราจัดเก็บคุ้กกี้ตามนโยบายความเป็นส่วนตัวของเรา  อ่านเพิ่มเติม

X