#MTC #ทันหุ้น - MTC มองบวกเปิดประเทศ หนุนกิจกรรมทางเศรษฐกิจในไทยฟื้น ลั่นดีมานด์สินเชื่อไตรมาส 4/2565 ยังขยายตัวต่อ ท่องเที่ยวฟื้น เปิดเรียน เข้าไฮซีซันธุรกิจ ชี้ความสามารถชำระหนี้ของลูกค้าปัจจุบันยังอยู่ในเกณฑ์ที่ดี มั่นเอ็นพีแอลลดลงกลับสู่ปกติปีหน้า คงเป้าพอร์ตสินเชื่อคงค้างสิ้นปี 2565 ยืนเหนือระดับ 1.2 แสนล้านบาท

นายปริทัศน์ เพชรอำไพ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท เมืองไทย แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) หรือ MTC เปิดเผยว่า ภาพรวมธุรกิจในช่วงที่เหลือของปี 2565 ดีมานด์สินเชื่อยังคงมีการเติบโตที่เพิ่มขึ้น จากการที่ประเทศไทยตัดสินใจเปิดประเทศได้เร็ว ทำให้ขณะนี้เริ่มเห็นการฟื้นตัวของกิจกรรมทางเศรษฐกิจ โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวต่างชาติเริ่มกลับเข้ามาในประเทศไทย ทำให้ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยวเริ่มกลับมามีการลงทุนอีกครั้ง

นอกจากนี้การเปิดเรียนตามปกติในปัจจุบัน ทำให้เกิดความต้องการใช้สินเชื่อเพื่อใช้รองรับในการดำเนินชีวิตและธุรกิจ และยังได้รับแรงหนุนจากไฮซีซันของธุรกิจสินเชื่อโดยเฉพาะฤดูกาลทำการเกษตรทำให้ความต้องการสินเชื่อเพิ่มมากขึ้น ดังนั้นจึงมองว่าในช่วงที่เหลือของปีนี้เป็นโอกาสของการขยายฐานลูกค้าทั้งรายเดิมและรายใหม่

บริษัทยังคงเป้าหมายการเติบโตของพอร์ตสินเชื่อรวมในปี 2565 จะเติบโตแตะระดับ 120,000 ล้านบาท และเป้าหมายระยะยาวที่วางไว้ว่าพอร์ตสินเชื่อรวมจะแตะที่ระดับมากกว่า 200,000 ล้านบาท ได้ภายในปี 2569 เป็นต้นไป ซึ่งเป็นเรื่องที่ค่อนข้างท้าทาย แต่ถ้าบริษัทสามารถรักษาการเติบโตอย่างในปัจจุบันได้ เป้าที่ตั้งไว้ก็มีความเป็นไปได้

@ ปี 2566 หนี้เสียดีขึ้น

สำหรับความสามารถในการชำระหนี้ของลูกหนี้ยังอยู่ในระดับที่บริษัทควบคุมได้ โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากนโยบายการปรับค่าแรงงานขั้นต่ำจะช่วยเพิ่มความสามารถในการผ่อนชำระของลูกหนี้ ส่วนแนวโน้มหนี้สงสัยจะสูญ (NPL) นั้น จากภาพรวมอุตสาหกรรมจะเริ่มมีการฟื้นตัวที่ดีขึ้น จึงเชื่อว่าจะกลับมารักษาระดับที่มีความเหมาะสม ในปี 2566 เป็นต้นไป ส่วนในช่วงที่เหลือของปีนี้ต้องยอมรับว่าสภาวะทางเศรษฐกิจในประเทศยังไม่ขั้นดี แต่หวังว่าเศรษฐกิจและกำลังซื้อที่จะกลับมาอยู่ในทิศทางที่ดีขึ้นจะช่วยได้ ส่วนการปล่อยสินเชื่อปัจจุบันยังคงเดินหน้าให้ความช่วยเหลือลูกค้าอยู่

@ คุมเพดานเช่าซื้อไม่กระทบ

กรณีการประกาศควบคุมเพดานอัตราดอกเบี้ยธุรกิจลิสซิ่งเช่าซื้อรถจักรยานยนต์ และรถยนต์ โดยคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) พิจารณาปรับเพดานอัตราดอกเบี้ยประเภทสินเชื่อเช่าซื้อรถจักรยานยนต์ใหม่ ไม่เกิน 23%, รถยนต์มือหนึ่ง ไม่เกิน 10% และรถยนต์มือสอง ไม่เกิน 15% เพื่อกำกับดูแลการประกอบธุรกิจลิสซิ่งนั้น บริษัทไม่ได้รู้สึกกังวลกับประกาศปรับเพดานอัตราดอกเบี้ยในครั้งนี้ เนื่องจากไม่ได้ส่งผลกระทบกับธุรกิจมากนัก

เพราะประเภทสินเชื่อเช่าซื้อรถ บริษัทให้บริการสินเชื่อเช่าซื้อรถจักรยานยนต์มือหนึ่งเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งคิดดอกเบี้ยราว 23% อยู่แล้ว และจะเห็นว่าอยู่ในระดับเดียวกับเพดานอัตราดอกเบี้ยที่ สคบ. พิจารณากำหนด และบริษัทยังคงเน้นไปที่การปล่อยประเภทสินเชื่อที่มีหลักประกันที่มีพอร์ตสินเชื่อมากกว่า 80% ขณะเดียวกันบริษัทได้วางแผนรับมือการบริหารจัดการต้นทุนการดำเนินธุรกิจอยู่แล้ว มั่นใจได้ว่าสามารถควบคุมต้นทุนการดำเนินธุรกิจได้

**กำไร Q3 เติบโต

บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด ระบุว่า MTC จะมีกำไรสุทธิในไตรมาส 3/2565 จำนวน 1,311 ล้านบาท โต 9.2% เมื่อเทียบช่วงเวลาเดียวกันกับปีก่อน แต่ลดลง 5% จากไตรมาสก่อน หลังการตั้งสำรองเร่งตัวขึ้น ตามจำนวน NPL ที่สูงขึ้น แต่ปัจจัยลบบางส่วนถูกชดเชยด้วยพอร์ตสินเชื่อที่ขยายตัวได้ดี ทำให้รายได้ดอกเบี้ยรับสุทธิและรายได้ค่าธรรมเนียมปรับขึ้นตาม

แม้ทางฝ่ายจะมีความกังวลต่อตัวเลข NPL ของ MTC ที่คาดจะปรับขึ้น แต่มองว่าตั้งแต่ไตรมาส 4/2565 บริษัทจะเริ่มคุมคุณภาพพอร์ตสินเชื่อได้ดีขึ้น จากทั้งการชะลอปล่อยสินเชื่อความเสี่ยงสูง และการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในประเทศ ขณะที่ราคาหุ้นปรับลงสะท้อนปัจจัยลบต่างๆ ไปมาก จนมี Upside 30.1% จากมูลค่าพื้นฐานใหม่ปี 2566 ที่ 47.50 บาท ทางฝ่ายจึงคงคำแนะนำ “ซื้อ”

บริษัทหลักทรัพย์ ดีบีเอส วิคเคอร์ส ( ประเทศไทย ) จำกัด เผยว่า ฝ่ายวิจัยคาดกำไรไตรมาส 3/2565 ทำสถิติสูงสุดใหม่ที่ 1.4 พันล้านบาท โต 16.2% เมื่อเทียบช่วงเดียวกันกับปีก่อน และเพิ่มขึ้น 1.1% จากไตรมาสก่อน ถือว่าธุรกิจยังไปได้สดใสสำหรับกำไรก่อนตั้งสำรอง (PPOP) คาดว่าจะเพิ่มขึ้นถึง 38.8% เมื่อเทียบช่วงเดียวกันกับปีก่อน และ 6.2% จากไตรมาสก่อน แรงหนุนมาจากรายได้ดอกเบี้ยรับ และค่าธรรมเนียมที่เพิ่มขึ้นสูง

แม้คุณภาพสินทรัพย์ที่ด้อยลงตามภาวะอุตสาหกรรมและเศรษฐกิจ แต่จากการจัดการและบริหารที่ดีจึงยังผลให้อยู่ในวิสัยที่จะจัดการได้อย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล ทั้งนี้แนวโน้มการเติบโตจะดำเนินต่อไปในไตรมาส 4/2565 และก็คาดจะทำสถิติสูงสุดใหม่ได้อีกครั้ง เพราะการเติบโตของสินเชื่อยังมีโมเมนตัมที่ดี แม้จะต้องบริหารเกี่ยวกับต้นทุนที่สูงขึ้นเรื่องคุณภาพสินทรัพย์ และ OPEX รวมทั้งยิลด์ที่ลดต่ำลงก็ตาม ทั้งนี้ คงคำแนะนำ "ซื้อ" แต่ปรับราคาพื้นฐานใหม่ลงเป็น 59 บาท

รู้ทันเกม รู้ก่อนใคร ติดตาม "ทันหุ้น" ที่นี่

FACEBOOK คลิก https://www.facebook.com/Thunhoonofficial/

YOUTUBE คลิก https://www.youtube.com/channel/UCYizTVGMealUUalT6VdUdNA

Tiktok คลิก https://www.tiktok.com/@thunhoon_

LINE@ คลิก https://lin.ee/uFms4n5

TELEGRAM คลิก https://t.me/thunhoon_news

Twitter คลิก https://twitter.com/thunhoon1