> IPO > RS

15 กุมภาพันธ์ 2023 เวลา 10:49 น.

CHASE ตั้งเป้าซื้อ NPLs ปีละ 1 พันลบ. -RS ยันไม่ขายหุ้นเพิ่ม

#CHASE #ทันหุ้น- บริษัท เชฎฐ์ เอเชีย จำกัด (มหาชน)  หรือ CHASE  บริษัทชั้นนำที่ให้บริการติดตามทวงถามและบริหารหนี้เสีย (AMC) ที่มีประสบการณ์มากกว่า 25 ปี ตั้งเป้าจะซื้อหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้หรือ NPLs ปีละ 1,000 ล้านบาท พร้อมขยายทีมเร่งรัดติดตามหนี้สินเพื่อให้บริการติดตามทวงถามหนี้ ขณะที่ด้านเฮียฮ้อ "สุรชัย เชษฐโชติศักดิ์ " ผู้บริหาร RS ยันไม่มีการขายหุ้น CHASE ออกมากเพิ่ม จะยังคงถือหุ้นใหญ่กว่า 20.35% 


นายประชา ชัยสุวรรณ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เชฎฐ์ เอเชีย จำกัด (มหาชน)  หรือ CHASE เปิดเผยว่า บริษัทวางแผนที่จะขยายทั้งธุรกิจบริหารสินทรัพย์ (AMC) และธุรกิจให้บริการติดตามทวงถามและเร่งรัดหนี้สิน (Collection) โดยตั้งเป้าที่จะซื้อ NPLs ปีละ 1,000 ล้านบาท พร้อมขยายทีมเร่งรัดติดตามหนี้สินเพื่อให้บริการติดตามทวงถามหนี้ เพื่อรองรับการติดตามทวงถามหนี้ที่มีจำนวนเพิ่มขึ้นในอนาคต


“ในธุรกิจ AMC นั้น บริษัทฯ จะต้องนำเงินไปซื้อพอร์ตหนี้เสียจากทางธนาคารพาณิชย์หรือสถาบันการเงินอื่นๆ ยิ่งจัดเก็บหนี้ได้จากพอร์ต NPLs ที่ซื้อมาได้มากก็ยิ่งได้เปรียบในการแข่งขัน ซึ่งเมื่อพิจารณาจากเงินสดที่เก็บได้เทียบกับเงินลงทุน จะพบว่า เชฎฐ์ เอเชีย มีศักยภาพการจัดเก็บหนี้อยู่ในเกณฑ์สูงเมื่อเทียบกับเงินลงทุนสำหรับพอร์ต NPLs ในปีเดียวกัน ซึ่งในอดีตสามารถเก็บเงินสดได้มากถึง 252% เมื่อเทียบกับเงินลงทุนสำหรับพอร์ต NPLs ที่ซื้อมาในปี 2556 และในรอบ 9 เดือนปี 2565 บริษัทฯ สามารถจัดเก็บกระแสเงินสดจากพอร์ต NPLs ได้กว่า 287 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากรอบ 9 เดือนปี 2564 ที่จัดเก็บได้ 167 ล้านบาทถึง 70%” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร CHASE กล่าว 


ส่วนธุรกิจให้บริการติดตามทวงถามและเร่งรัดหนี้สิน (Collection) ว่า บริษัทที่ให้บริการจะได้รับค่าจ้างเป็นค่าคอมมิชชั่นจากการทวงถามหนี้ เช่น ตามเก็บหนี้ได้ 100 บาท ก็อาจจะได้รับคอมมิชชั่นจากทางธนาคารประมาณ 7 บาท เป็นต้น สำหรับ เชฎฐ์ เอเชีย นั้นมีอัตราค่าคอมมิชชั่นที่อยู่ในระดับสูง โดยได้รับอัตราค่าคอมมิชชั่นสูงถึง 21.6% สำหรับงวด 9 เดือนสิ้นสุด 30 กันยายน 2565 ซึ่งถือว่าเป็นอัตราค่าคอมมิชชั่นที่สูงมากในอุตสาหกรรมนี้ ซึ่งผลตอบแทนที่สูงนั้นมาจากความชำนาญและประสบการณ์ของบริษัท ส่งผลให้สามารถตามเก็บหนี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ จึงได้รับงานทวงถามหนี้ที่มีความท้าทายสูง เช่น เป็นลูกหนี้ที่ไม่ชำระหนี้มานานแล้ว บางครั้งไม่สามารถติดตามตัวลูกหนี้ได้ หรือบางครั้งลูกหนี้มีปัญหาในการชำระหนี้ งานเหล่านี้จำเป็นต้องอาศัยความเชี่ยวชาญในการเจรจาต่อรอง รวมถึงบางครั้งอาจต้องใช้การบังคับใช้ทางกฎหมาย ซึ่งทั้งหมดนี้อยู่ในความเชี่ยวชาญของบริษัท 


นายประชา กล่าวว่า “ที่ผ่านมา เชฎฐ์ เอเชีย มีการปล่อยสินเชื่อเพื่อความหวังหรือ Hope Loan โดยเป็นสินเชื่อที่บริษัทปล่อยให้กับลูกหนี้รายย่อยที่เป็นหนี้เสียแล้วเท่านั้น ซึ่งไม่มีสถาบันการเงินอื่นใดให้โอกาสกับลูกหนี้เช่นเดียวกับที่เราได้ทำ โดยในอดีตบริษัทจะสามารถก้าวถึงจุดคุ้มทุน (Break Even) จากการติดตามเงินสด Hope Loan ได้ในปีที่ 5 หรือ 6 ของพอร์ตในแต่ละปี โดยในภายหลัง บริษัทฯ ได้ปรับเปลี่ยนแนวทางการดำเนินธุรกิจ โดยชะลอและหยุดให้บริการปล่อยสินเชื่อ Hope Loan และนำเงินทุนที่มีมาใช้ดำเนินธุรกิจ AMC ด้วยเล็งเห็นถึงศักยภาพการเติบโต ซึ่งจะสร้างผลตอบแทนให้ผู้ถือหุ้นภายหลังการเข้าตลาดฯ ได้เต็มที่มากกว่า 



**RS คงสัดส่วนถือหุ้น 20.35% 


นายสุรชัย เชษฐโชติศักดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อาร์เอส กรุ๊ป จำกัด(มหาชน) หรือ RS เปิดเผยว่า บริษัทได้เข้าไปลงทุนใน CHASE โดยได้ทำงานร่วมกัน เพื่อขยายระบบนิเวศทางธุรกิจ (Ecosystem) ร่วมกัน ทั้งการเตรียมความพร้อมของเงินทุน และการยกระดับระบบบริหารงานภายใน โดยเล็งเห็นว่าหลังจากเข้าระดมทุน IPO แล้วยังมีโอกาสทางธุรกิจระหว่าง เชฎฐ์ เอเชีย และ อาร์เอส กรุ๊ป ที่จะร่วมมือกันอีกมาก มั่นใจศักยภาพของ เชฎฐ์ เอเชีย ในฐานะผู้นำการให้บริการบริหารจัดการหนี้สินอย่างครบวงจร ผสานกับโมเดลธุรกิจ Entertainmerce ที่แข็งแกร่งของอาร์เอส กรุ๊ป จะทำให้เกิดการเติบโตร่วมกันในหลายมิติ ทั้งในแง่การใช้สื่อ และการขยายฐานลูกค้า 


ทั้งนี้ หลังเข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ ทางอาร์เอส กรุ๊ป จะยังคงเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่กว่า 20.35% ซึ่งเป็นสัดส่วนที่ อาร์เอส กรุ๊ป ถือภายหลังจากการเสนอขาย IPO ด้วยเล็งเห็นว่าการลงทุนใน เชฎฐ์ เอเชีย เป็นการลงทุนเชิงกลยุทธ์ (Strategic Investment) ในระยะยาว โดยนักลงทุนของ เชฎฐ์ เอเชีย สามารถมั่นใจได้ว่าหุ้นส่วนที่ไม่ติด Silent ทั้งหมดจำนวน 331 ล้านหุ้นเป็นของอาร์เอส กรุ๊ป ดังนั้นจะไม่มีกลุ่มผู้ถือหุ้นใหญ่ขายหุ้น เชฎฐ์ เอเชีย ออกมาในตลาดหลัง IPO เนื่องจากตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา เชฎฐ์ เอเชีย ได้พิสูจน์ให้เห็นถึงความสำเร็จทั้งในด้านการบริหารติดตามทวงถามหนี้สิน และการบริหารจัดการหนี้เสียหรือ NPLs  ซึ่ง RS เชื่อมั่นว่า เชฎฐ์ เอเชีย จะยังคงเป็นธุรกิจที่มีศักยภาพสูง พร้อมสร้างโอกาสและการเติบโตในทุกสภาวะเศรษฐกิจ และทาง RS ก็พร้อมยืนหยัดสนับสนุนความสำเร็จของ เชฎฐ์ เอเชีย ในก้าวต่อไปอย่างต่อเนื่อง


ปัจจุบัน เชฎฐ์ เอเชีย มีผู้ถือหุ้นใหญ่ 2 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มนายประชา ซึ่งเป็นผู้ก่อตั้งถือหุ้นในสัดส่วนประมาณ 51% และ RS ถือหุ้นประมาณ 20.35% 


รู้ทันเกม รู้ก่อนใคร ติดตาม "ทันหุ้น" ที่นี่

FACEBOOK คลิก https://www.facebook.com/Thunhoonofficial/

YOUTUBE คลิก https://www.youtube.com/channel/UCYizTVGMealUUalT6VdUdNA

Tiktok คลิก https://www.tiktok.com/@thunhoon_

LINE@ คลิก https://lin.ee/uFms4n5

TELEGRAM คลิก https://t.me/thunhoon_news

Twitter คลิก https://twitter.com/thunhoon1






จาก
ถึง
Select...
หุ้น
Select...
หัวข้อ
Select...

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

อ่านต่อ

เว็บไซต์นี้มีการจัดเก็บคุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของคุณให้ดียิ่งขึ้น การใช้งานเว็บไซต์นี้เป็นการยอมรับข้อกำหนดและยินยอมให้เราจัดเก็บคุ้กกี้ตามนโยบายความเป็นส่วนตัวของเรา  อ่านเพิ่มเติม

X