#TLI #ทันหุ้น TLI เดินหน้าโตต่อ หลังกำไรสุทธิทำประวัติศาสตร์หน้าใหม่ในปีที่ผ่านมา มั่นใจยังพาธุรกิจก้ามข้ามความท้าทายปี66 ผ่านแผนงานที่เน้นโต และเพิ่มมูลค่าให้กับบริษัท ในแบบประกันสุขภาพ-โรคร้ายแรง โดยเฉพาะกลุ่มผู้สูงอายุ ทางด้าน "วรางค์ ไชยวรรรณ" ตอบให้! ราคาหุ้นไม่ตอบรับผลงาน เป็นเรื่องปัจจัยภายนอกที่คุมไม่ได้ แต่ในแง่การบริหาร TLI ทำเต็มที่

นางวรางค์ ไชยวรรณ กรรมการและรองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทยประกันชีวิต จำกัด (มาหชน) หรือ TLI กล่าวว่า ในแง่ของการบริหารงานยังมุ่งให้ความสำคัญกับความยั่งยืนทางธุรกิจระยะยาว ดังนั้น แผนงานในปี 2566 ที่ยังคงเต็มไปด้วยปัจจัยท้าทาย ทั้งเรื่องของสถานการณ์โลก ทั้งด้านเศรษฐกิจ ภูมิรัฐศาสตร์ เงินเฟ้อ และความผันผวนด้านการลงทุน เหล่านี้

ดังนั้นTLI จึงยังเน้นผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตที่ช่วยสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับบริษัท ไม่ว่าจะส่วนของสัญญาเพิ่มเติม เช่นอย่างประกันสุขภาพ ประกันโรคร้ายแรง หรือประกันชีวิตควบการลงทุน (ยูนิตลิงค์) ประกันแบบมีส่วนร่วมในเงินปันผล (par product)

นางวรางค์ กล่าวอีกว่า TLI ให้ความสำคัญกับการเติบโตทางธุรกิจ ดังนั้นแบบประกันของ TLI จึงเน้นแผนที่สร้างกำไร หรือมูลค่าเพิ่มให้กับบริษัทในระยะยาว ซึ่งสะท้อนผ่านมูลค่ากำไรธุรกิจใหม่ หรือ VoNB (Value of New Business) ที่ปี 65 โตถึง 31.2% หรือ 7,325 ล้านบาท โดยการเติบโตของตัวเลขดังกล่าวขึ้นอยู่กับผลิตภัณฑ์คือแบบประกันที่สามารถทำกำไรได้สูง ขณะที่เบี้ยประกันรับปีแรก แม้จะสะท้อนการเติบโตของธุรกิจ แต่ไม่ได้สะท้อนความสามารถในการทำกำไรที่จะเกิดขึ้นในอนาคตได้ทั้งหมด

“ในแง่ของการดำเนินงาน TLI บริหารอย่างเต็มที่ จะเห็นว่างบของบริษัทสามารถทำกำไรสูงสุดเป็นประวัติการณ์ หรือยอดขายที่โตกว่าภาพรวมอุตสาหกรรม แต่ในส่วนของทิศทางราคาหุ้นนั้นอาจจะเป็นเรื่องของปัจจัยภายนอกที่ ซึ่งเราเองก็บอกไม่ได้ว่าเกิดจากอะไร มันเหมือนกับถ้ามีข่าวไม่ดีก็จะลงเยอะ แต่พอมีข่าวดีก็จะขึ้นทีละน้อย ตรงนี้คงอาจมาจากปัจจัยภายนอกที่เราไม่สามารถจะควบคุมได้ แต่ในแง่ของผลการดำเนินงานเราก็จะทำอย่างดีที่สุด”

โดย TLI สามารถจ่ายปันผลได้มากขึ้น ล่าสุดงบปี65 ที่ 0.30 บาทต่อหุ้น มากขึ้นเมื่อเทียบกับปี 64 จ่ายปันผลที่ 0.25บาทต่อหุ้น และ ปี 63 ปันผลที่ 0.213 บาทต่อหุ้น 

 *ประกันสุขภาพสำหรับสูงวัย

นายไมเคิล เฮียง ลี รองผู้จัดการใหญ่ และ Chief Financial Officer TLI กล่าวว่า ในส่วนของปี 2566 ยังคงเดินหน้าสร้างการเติบโตต่อเนื่อง แม้จะเห็นปัจจัยท้าทายที่กดดันเศรษฐกิจโลก แต่ด้วยโครงสร้างประชากรที่เปลี่ยนไปสู่สังคมสูงวัย ทำให้ ประกันชีวิตเป็นธุรกิจที่มีโอกาสเติบโตต่อเนื่องในอนาคต โดยเฉพาะการออกผลิตภัณฑ์ที่รับกับสานการณ์ปัจจุบัน อย่างประกันบำนาญ วางแผนการเงินสำหรับเกษียณ ประกันสุขภาพสำหรับผ้าสูงอายุรับกับสังคมสูงวัย เป็นต้น

“เรามองเห็นโอกาสในตลาดประกันสำหรับผู้สูงอายุ เราจึงมีแผนที่จะสร้างระบบนิเวศ ทั้งในด้านประกัน การดูแลรักษาพยาบาล การบริการด้านต่างๆ สำหรับกลุ่มผู้สูงอายุ เพื่อให้คนกลุ่มนี้เข้าถึงความคุ้มครอง และมีคุณภาพชีวิตที่ดีในบั้นปลาย”

นอกจากนี้ TLI ยังคงระมัดระวังในเรื่องของความผันผวนของอัตราดอกเบี้ย ที่แม้จะเป็นขาขึ้นและเป็นผลดีต่อธุรกิจ แต่บริษัทยังคงเน้นบริหารจัดการแบบระมัดระวัง ดังนั้นจะไม่เน้นออกผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตที่อ่อนไหวต่อการเปลี่ยนแปลงของดอกเบี้ย อย่างประกันสะสมทรัพย์ แต่ขณะเดียวกันก็มีทางเลือกให้ผู้เอาประกันในการรับผลตอบแทนที่มากขึ้นผ่าน แบบประกันยูนิตลิงค์ รวมถึง par productซึ่งปัจจุบัน บริษัทอยู่ระหว่างการพัฒนาสินค้าในกลุ่ม par productเพอิ่มเติมเพื่อตอบรับกับดีมานด์ของผู้เอาประกัน

ในแง่ของการลงทุน TLIได้รับปัจจัยบวกต่ออัตราดอกเบี้ยขาขึ้น เพราะพอร์ตส่วนใหญ่ของประกันจะเน้น พันธบัตรและตราสารหนี้ อย่างไรก็ตาม TLI ยังคงให้ความระมัดระวังในการประเมิน หรือคาดการณ์ผลตอบแทนจากการลงทุน ดังนั้น ปี 2566 ผลตอบแทนส่วนนี้น่าจะทำได้ไม่ต่างจากปี 2565 อยู่ที่ ราว 3.8% ขณะที่ผลตอบแทนจากการลงทุน โดยเฉลี่ย 10 ปี ของ TLI อยู่ที่ระดับ 4.1%

*ตลาดเมียนมาทำปันผลกลับมา

นายไมเคิล เฮียง ลี กล่าวถึงแผนการขยายตลาดต่างประเทศ ซึ่งปัจจุบันมีบริษัทประกันที่ร่วมลงทุนอยู่ในเมียนมา โดยปีที่ผ่านมาผลการดำเนินงานในส่วนนี้ยังคงดีและสามารถจ่ายปันผลกลับมาให้กับ TLI ได้ แม้จะมีความกดดันจากการเมืองในประเทศ และกฎเกณฑ์ที่เข้มงวดในการดำเนินธุรกิจ แต่ในระยะถัดไป 2-3 ปี ก็เห็นถึงโอกาสในการเติบโตทางธุรกิจ ดังนั้น เมียนมายังเป็นตลาดที่ TLI ให้ความสำคัญขยายงาน ผ่านโมเดลที่ใช้กับไทย เช่น การขยายฐานในช่วงทางตัวแทน ช่องทางแบงก์ และช่องทางดิจิทัล เป็นต้น