> SET > AOT

15 มีนาคม 2023 เวลา 09:44 น.

เปิดมุมมอง 3 โบรกฯ ส่องกลยุทธ์ลงทุน พร้อมเสิร์ฟหุ้นเด่นวันนี้

#SET #ทันหุ้น - บล.ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) มองแนวโน้มตลาดวันนี้ คาด SET Index จะ Rebound ได้ระยะสั้นหลังปรับตัวลงแรงทดสอบแนวรับหลัก 1,520 จุด โดยมีโอกาสฟื้นตัวสู่ระดับ 1,540-1,550 ได้ตามตลาดหุ้นสหรัฐฯและยุโรปที่ฟื้นตัว อย่าไงรก็ตามเรามองว่าความผันผวนในระยะนี้ยังค่อนข้างสูง โดยยังคงต้องติดตามสถานการณ์ของภาคการเงินในสหรัฐฯ ต่อเนื่องหลัง Moody’s ปรับลด Outlook ของระบบธนาคารสหรัฐฯลงเป็น Negative รวมถึงประเด็นความเสี่ยงงบการเงินของ Credit Suisse ขณะทีเงินเฟ้อสหรัฐฯที่แม้จะออกมาตามคาด แต่ยังไม่เห็นสัญญาณปรับลงชัดเจน ทำให้ FED คาดว่ายังเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยอีกระยะหนึ่ง ยังคงเป็นปัจจัยกดดันสินทรัพย์เสี่ยงให้ฟื้นตัวได้จำกัด รวมถึงแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่คาดเริ่มชะลอตัวใน 1-2 ไตรมาสข้างหน้า 


ส่วนปัจจัยในประเทศโฟกัสอยู่ที่การยุบสภาที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในเร็วๆ และเดินหน้าสู่การเลือกตั้งซึ่งคาดช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้น เรามองการปรับฐานของดัชนีสู่ระดับแนวรับหลัก 1,520 จุด หากไม่มีปัจจัยลบจากภาคการเงินเพิ่มเติมและลุกลามเสี่ยงเกิดเป็นวิกฤต เรามองว่าดัชนีระดับปัจจุบันเริ่มน่าสนใจในการเข้าสะสมหุ้นเพิ่มเป็นระดับถัดมา ยังคงเน้นหุ้น Domestic Play มากกว่า Global Play 


กลยุทธ์ : ทยอยสะสมหุ้นเพิ่มหลังปรับฐานแรงสู่แนวรับหลัก 1,520+- จุด ยังเน้นหุ้น Domestic Play

หุ้นเด่นเดือนมี.ค. : ASW, BEYOND, CPN, M, NSL


หุ้นเด่นวันนี้ : AOT

• แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 85 บาท

• โมเมนตัมกำไร 2QFY23 คาดฟื้นตัวต่อเนื่องตามจำนวนผู้โดยสารทั้งไทยและต่างประเทศที่ฟื้นตัว โดยล่าสุดขึ้นมาที่ 81% และ 57% เทียบกับช่วงก่อน COVID-19 และดีกว่าสมมติฐานปัจจุบันราว 9% 

• เราประเมินว่าเดือน เม.ย 23 เป็นต้นไปจะได้อานิสงส์จากนักท่องเที่ยวจีนที่กลับมาชัดขึ้นจากการเข้าสู่ตารางบินฤดูร้อนซึ่งทำให้จำนวนเที่ยวบินเพิ่มขึ้น รวมถึง Minimum Guarantee จาก King Power ที่เพิ่มขึ้นหลังหมดระยะเวลาช่วยเหลือ

• แนวรับ 66//64 บาท แนวต้าน 68-69 บาท


**บล.คิงส์ฟอร์ด จำกัด คาดดัชนีฯ มีโอกาสลุ้น Rebound จากความกดดัน (Fed + Financial Crisis) ที่ตลาดเริ่มเห็นภาพมากขึ้น โดยเงินเฟ้อสหรัฐฯ วานนี้(14) ออกมาตามตลาดคาดที่ 6% YoY ซึ่งตลาดต่างประเทศขานรับตัวเลขที่ออกมาตามคาดไปแล้ว และนักลงทุนก็รับรู้การขึ้นดอกเบี้ยของ Fed ในวันที่ 22 มี.ค. อาจเหลือเพียง +0.25% (หากต่ำกว่าคาดจะดีต่อตลาด)


• ความกังวลเกี่ยวกับวิกฤตภาคธนาคารสหรัฐฯ หรือ SVB นั้นยังอยู่ในตลาด และส่วนหนึ่งฉุดราคาน้ามันให้ปรับตัวลดลง (ล่าสุด Brent $78.3เหรียญ)


• เครื่องบินของรัสเซียชนโดรนของสหรัฐฯ ตกจากน่านฟ้า แต่ยังไม่ได้มีสัญญาณของความรุนแรงเกิดขึ้น ขณะที่มีรายงานว่า สี จิ้นผิง ผู้นำจีนเตรียมเยือนรัสเซียในสัปดาห์หน้าเพื่อไกล่เกลี่ยสงครามในยูเครน ซึ่งยังคงต้องติดตาม


• การเมือง ติดตามรายชื่อ ผู้ชิงตำแหน่ง ส.ส ของแต่ละพรรคที่จะมีออกมาซึ่งอาจจะทำให้พอคาดเดาได้ว่า เพื่อไทย(เปิดชื่อ 17 มี.ค.) จะมี Landslide มากน้อยแค่ไหน เราคาดวันยุบสภาฯ จะเป็น 20 มี.ค. และเลือกตั้งจะอยู่ในช่วง 14 พ.ค.


• ตัวเลขเศรษฐกิจวันนี้ คือ ยอดค้าปลีกของจีน


Strategy

• ตลาดต่างประเทศเริ่มมีการดีดตัวขึ้นมาให้เห็น มีสัญญาณว่านักลงทุนลดความกังวล และดัชนีฯ ปรับตัวลงมาถึง 5.9% ซึ่งถือว่าค่อนข้างมาก เรามองตลาดและหุ้นน่าจะมีการ rebound เป้าช่วงสั้นๆ 1540 จุด แต่ทั้งนี้ ต้องคอยตามดูทิศทางตลาดหุ้นต่างประเทศประกอบไปด้วย เพราะสามารถเปลี่ยนได้ตลอดเวลา


• หุ้นที่ราคาลงมาลึก ในช่วง 3 วันที่ผ่านมา (ไม่ได้พิจารณาเรื่องพื้นฐานของหุ้น) คือ ONEE(13%), GUNKUL(12%), THANI(9%), NEX(9%)


• พอร์ตหุ้นวันนี้ เรานา AOT, KBANK เข้ามาในพอร์ต หุ้นในพอร์ตประกอบไปด้วย AOT(10%), KBANK(10%), BGRIM(10%), BCH(10%)


Strategy Stock Pick

KBANK: (เป้าเชิงกลยุทธ์ 136.00 บาท) “แนะนาทยอยซื้อกลับ ประเมินราคาหุ้นลงมากเกินไป”

• แนะนำทยอยซื้อกลับ หลัง PBV ของ KBANK ปัจจุบันเทรดที่ 0.6X ต่ำกว่า PBV กลุ่มธนาคารที่ 0.64X และต่ำกว่าค่าเฉลี่ย 10-Y PBV ของ KBANK ที่ 1.4X หรือมากกว่า -1.25SD (ราคาหุ้น Panic ต่ำกว่าพื้นฐาน)


• ฐานะทางการเงินของธนาคารไทยแข็งแกร่งกว่าธนาคารต่างประเทศที่เป็นประเด็น ในด้าน Operation ปี 2023 KBANK ตั้งเป้าสินเชื่อเติบโต 5-7% หนุนด้วยสินเชื่อรายใหญ่ และสินเชื่อ Tourism Related, SME ที่จะโตเด่น


• DAOL ประเมินกำไรสุทธิปี 2023E-2024E ที่ 3.89 หมื่น ลบ. และ 4.32 หมื่น ลบ. +9%YoY และ +11%YoY ตามลำดับ


Technical : SINGER, III


**บล.อินโนเวสท์ เอกซ์ จำกัด มองแนวโน้มตลาดวันนี้ “คลายกังวล แต่เทคนิคทรงอย่างแบด” แม้ตลาดคลายกังวล หลังรัฐบาลสหรัฐออกมาสร้างความเชื่อมั่นว่าจะควบคุมวิกฤตธนาคารได้ และเงินเฟ้อสหรัฐประจำก.พ. ที่ชะลอตัว ทำให้มองว่าเฟดจะชะลอขึ้นดอกเบี้ย อย่างไรก็ตาม สัญญาณเทคนิคเป็นลบอย่างแรง ทำให้ต้องรอติดตามภาพการฟื้นตัวที่ชัดเจนสักระยะก่อน ด้านกรอบบนอยู่ที่ 1536 และ 1542 จุด ส่วนแนวรับถัดไปอยู่ที่ 1500 และ 1480 จุด ตามลำดับ


กลยุทธ์การลงทุน ช่วงสั้นมอง SET จะแกว่งตัวผันผวนระหว่างรอประเมินผลกระทบของ SVB ซึ่งจะเป็นปัจจัยหลักกดดันบรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นไทยสัปดาห์นี้ ดังนั้นกลยุทธ์การลงทุนจึงคงแนะนำ “Selective Buy”


Daily Focus

KTB ปี 2566 คาดกำไรจะเติบโต 15%YoY อีกทั้งมองได้ประโยชน์มากที่สุดจากภาวะดอกเบี้ยขาขึ้น มีความเสี่ยงด้านคุณภาพสินทรัพย์ต่ำกว่าธนาคารอื่นๆ และ valuation น่าสนใจ รวมทั้งมีเงินปันผลจ่าย 0.682 บาท (XD 18 เม.ย.) คิดเป็น Div. Yield 4.2%


AH Valuation น่าสนใจ หลังล่าสุดราคาหุ้นปรับตัวลงมาเทรดที่ PE 66 ระดับ 5.0x ซึ่งเป็นระดับที่เคยเห็นในช่วงที่เกิดวิกฤตการเงินโลกในปี 2551-2552 แล้ว ขณะที่ปี 2566 คาดกำไรยังเติบโต 8%YoY จากการดำเนินงานในไทยและโปรตุเกสที่เติบโตมากขึ้น



รู้ทันเกม รู้ก่อนใคร ติดตาม "ทันหุ้น" ที่นี่

FACEBOOK คลิก https://www.facebook.com/Thunhoonofficial/

YOUTUBE คลิก https://www.youtube.com/channel/UCYizTVGMealUUalT6VdUdNA

Tiktok คลิก https://www.tiktok.com/@thunhoon_

LINE@ คลิก https://lin.ee/uFms4n5

TELEGRAM คลิก https://t.me/thunhoon_news

Twitter คลิก https://twitter.com/thunhoon1

จาก
ถึง
Select...
หุ้น
Select...
หัวข้อ
Select...

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

อ่านต่อ

เว็บไซต์นี้มีการจัดเก็บคุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของคุณให้ดียิ่งขึ้น การใช้งานเว็บไซต์นี้เป็นการยอมรับข้อกำหนดและยินยอมให้เราจัดเก็บคุ้กกี้ตามนโยบายความเป็นส่วนตัวของเรา  อ่านเพิ่มเติม

X