#SMT #ทันหุ้น-เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาตลาดหุ้นไทยปรับตัวลดลงค่อนข้างแรงจากการปรับตัวเพิ่มขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ และการอ่อนค่าของเงินบาท รวมไปถึงการขายอย่างต่อเนื่องของนักลงทุนต่างประเทศลงไปทดสอบแนวรับสำคัญที่ 1,470-1,480 แต่เราคาดว่า การปรับตัวลดลงต่ำกว่า 1,480 ในรอบนี้ น่าจะมีโอกาสฟื้นตัวทางเทคนิคในระยะสั้นไปทดสอบแนวต้านที่ 1,520

สำหรับหุ้นที่น่าสนใจวันนี้ คือ SMT หรือ บริษัท สตาร์ส ไมโครอิเล็กทรอนิกส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ดำเนินธุรกิจรับจ้างผลิตและประกอบชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์

ผลประกอบการไตรมาส 2 ปี 66 มีกำไรสุทธิ 85 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 0.10 บาท เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 71 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 0.09 บาท

ผลประกอบการ 6 เดือนแรกของปี 66 มีกำไรสุทธิ 159 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 0.19 บาท เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 127 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 0.15 บาท

นายวิรัตน์ ผูกไทย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สตาร์ส ไมโครอิเล็กทรอนิกส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ SMT เปิดเผยว่า เป้าหมายยอดขายปีนี้เชื่อว่า ยังเติบโตได้บนตัวเลขสองหลัก แม้จะมีการปรับลดเป้าหมายรายได้จากเดิม 4,000 ล้านบาท เป็น 3,300 ล้านบาท เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจโลกชะลอตัว โดยธุรกิจ OSAT ซึ่งเป็นสินค้าประเภท IC Packaging มีคำสั่งซื้อชะลอตัว ส่วนธุรกิจ Optics อุปกรณ์การสื่อสารผ่านเส้นใยแก้วนำแสง ซึ่งมีมาร์จิ้นสูง ยังมีการเติบโตที่ดีต่อเนื่องจนถึงสิ้นปี และ คาดว่า อัตรากำไรขั้นต้นสามารถปรับเพิ่มขึ้น จากสัดส่วนยอดขายผลิตภัณฑ์ที่มีมาร์จิ้นสูงมีสัดส่วนเพิ่มขึ้น

ปี 67 ตั้งเป้ายอดขายไว้ที่ 4,000-5,000 ล้านบาท และใน 5 ปี ยอดขาย 10,000 ล้านบาท เพราะมีการขยายตลาด มีออเดอร์ในมือ โดยเฉพาะ EV Charger Controller และ สินค้ากลุ่ม Audio Backplate ซึ่งปีนี้น่าจะรับรู้รายได้ประมาณ 300-400 ล้านบาท ส่วนปีหน้าจะรับรู้มากกว่า 50% ของยอดขาย

แนวโน้มผลงานในช่วงไตรมาส 3/66 คาดยอดขายจะปรับเพิ่มขึ้น จากไตรมาสก่อนหน้า ตามฤดูกาล และ การเพิ่มขึ้นยอดขายสินค้าใหม่ เช่น EV Charger Controller และ สินค้ากลุ่ม Audio Backplate ซึ่งจะหนุนการเติบโต โดยบริษัทเน้นกลยุทธ์การบริหาร Supply Chain ได้อย่างมีประสิทธิภาพ การขยายฐานลูกค้าเพิ่ม รวมถึงการพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้สอดคล้องกับความต้องการของลูกค้าในตลาดอย่างสม่ำเสมอ

ทางด้านผลการดำเนินงานของบริษัท ในไตรมาส 2/66 มีกำไรสุทธิ 84.75 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 18.74% เมื่อเทียบกับไตรมาส 2/65 ที่มีกำไรสุทธิ 71.37 ล้านบาท มีรายได้จากการขายสินค้าและบริการ 706.38 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 3.34% โดยรายได้จากกลุ่มสินค้าอุปกรณ์สำหรับการสื่อสารผ่านเส้นใยแก้วนำแสง (Optical) เพิ่มขึ้น 69.98% เป็นผลจากกลุ่มสินค้าดังกล่าวเป็นเทคโนโลยีขั้นสูงและมีความต้องการเพิ่มมากขึ้นในตลาดอย่างต่อเนื่อง อีกทั้ง ผู้ผลิตสินค้าประเภทนี้มีค่อนข้างน้อยในตลาด เนื่องจากต้องใช้ทักษะ และ ความรู้ความสามารถที่เฉพาะเจาะจง และ เงินลงทุนในจำนวนที่สูง

อย่างไรก็ตาม บริษัทมีการบริหารความเสี่ยงพอร์ตโฟลิโอ โดยการผลิต และ จำหน่ายสินค้าหลากหลายประเภท เพื่อลดการพึ่งพิงสินค้าประเภทใดประเภทหนึ่ง รวมทั้งการขยายฐานลูกค้าไปยังหลากหลายพื้นที่ และ มุ่งเน้นการเพิ่มศักยภาพทางด้านการผลิต ส่งผลให้ได้รับความไว้วางใจจากลูกค้า

แผนธุรกิจ และ กลยุทธ์การหาลูกค้าที่แข็งแกร่งของบริษัทในไตรมาสที่ 2 ของปีนี้ มีกำไรขั้นต้นจำนวน 157.68 ล้านบาท หรือ คิดเป็น 22.32% จากรายได้จากการขายและบริการ ซึ่งปีนี้ตั้งเป้าไว้ที่ 20% โดยกำไรขั้นต้นที่เพิ่มขึ้นเป็นผลจากยอดขายที่เพิ่มขึ้น การดำเนินกลยุทธ์ในการมุ่งเน้นการผลิตสินค้าที่ต้องใช้ความแม่นยำที่มีคุณภาพ และ ความเชี่ยวชาญในการผลิตที่ให้กำไรสูงขึ้น ควบคู่กับกลยุทธ์การลดต้นทุนวัตถุดิบอย่างมีประสิทธิภาพ และ คัดเลือกลูกค้าและ สินค้าที่มีศักยภาพในการทำกำไรสูง

ราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นเกิดสัญญาณฟื้นตัวทางเทคนิคเหนือแนวรับของเส้นค่าเฉลี่ย 200 วันที่ 4.80 ทำให้แนวโน้มของราคาหุ้นยังมีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้นไปทดสอบแนวต้านที่ 5.60 และ 5.90 ตามกรอบแนวโน้มขาขึ้น แต่ถ้าปรับตัวลดลงต่ำกว่า 4.90 ลงไป ควรขายหุ้นออกไปก่อน

รู้ทันเกม รู้ก่อนใคร ติดตาม "ทันหุ้น" ได้ทุกช่องทางเหล่านี้

YOUTUBE คลิก https://www.youtube.com/c/ThunhoonOfficial

FACEBOOK คลิก https://www.facebook.com/Thunhoonofficial/

Tiktok คลิก https://www.tiktok.com/@thunhoon_

TELEGRAM คลิก https://t.me/thunhoon_news

Twitter คลิก https://twitter.com/thunhoon1

Instagram คลิก https://instagram.com/thunhoon.news?igshid=YTY2NzY3YTc=