#BRR #ทันหุ้น– BRR ยังมั่นใจปี 2567 สามารถหีบอ้อยได้ราว 2.5 ล้านตัน เผยมีสัญญาซื้อ-ขายล่วงหน้าแล้วราว 10% เชื่อทั้งปี 2567 ราคาน้ำตาลในตลาดโลกมีโอกาสดีดแตะ 30 เซ็นต์ต่อปอนด์ หลังอินเดียงดส่งออกน้ำตาล ทั้งยังรับอานิสงส์เงินบาทอ่อนค่า ทั้งยังเริ่มรับรู้ส่วนแบ่งจากการลงทุนในธุรกิจเชื้อเพลิงชีวมวลอัดแท่งในลาวตามสัดส่วน 25% หนุนรายได้รวมทั้งปี 2567 เติบโตกว่า 20%YoY

นายอนันต์  ตั้งตรงเวชกิจ  ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท น้ำตาลบุรีรัมย์ จำกัด (มหาชน) หรือ BRR เปิดเผยว่า การที่รัฐบาลอินเดียเตรียมประกาศห้ามส่งออกน้ำตาลฤดูกาลหน้า โดยห้ามส่งออกตั้งแต่เดือนตุลาคม 2566 เป็นต้นไป เพื่อสงวนใช้ในประเทศให้เพียงพอส่งผลให้ราคาน้ำตาลตามสัญญาซื้อขายล่วงหน้าเดือนตุลาคม 2566 เคลื่อนไหวอยู่ระหว่าง 26.45 – 27.62 เซ็นต์ต่อปอนด์ และราคาน้ำตาลตามสัญญาซื้อขายล่วงหน้าเดือนมีนาคม 2567 เคลื่อนไหวอยู่ระหว่าง 26.73 – 27.88 เซ็นต์ต่อปอนด์ ทั้งนี้บริษัทคาดการณ์ว่าราคาน้ำตาลในตลาดโลกเฉลี่ยทั้งปี 2567 มีแนวโน้มจะเร่งตัวแตะ 30 เซ็นต์ต่อปอนด์

ทั้งนี้บริษัทได้ทำสัญญาขายน้ำตาลล่วงหน้าสำหรับปี 2567 ไว้แล้วราว 10% ของความสามารถในการส่งออกน้ำตาลทั้งหมดของบริษัท ดังนั้นการที่ราคาน้ำตาลในตลาดโลกยังทรงตัวสูง และมีแนวโน้มเร่งตัวขึ้นตามปริมาณการส่งออกน้ำตาลที่เริ่มชะลอตัวลง จึงส่งผลดีต่อผลการดำเนินงานของบริษัททั้งปี 2567 อย่างมีนัยสำคัญ

ชีวมวลจ่อ COD

ขณะเดียวกัน ธุรกิจเชื้อเพลิงชีวมวลอัดแท่ง (Wood Pellet) ใน สปป.ลาว อยู่ระหว่างทดสอบเดินเครื่องจักร คาดว่าจะสามารถดำเนินการผลิตเชื้อเพลิงชีวมวลอัดแท่งเชิงพาณิชย์ได้ช่วงปลายไตรมาส 4/2566 และจะเริ่มทยอยส่งมอบเชื้อเพลิงชีวมวลอัดแท่งให้กับบริษัท Kyuden Mirai Energy Co., Ltd. (ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ Kyushu Electric Power Company Incorporated ประเทศญี่ปุ่น) ภายใต้สัญญาซื้อขายระยะยาว 15 ปี คาดว่าจะเริ่มรับรู้รายได้เข้ามาในไตรมาส 1/2567 โดยบริษัทยังมีการเจรจากับลูกค้าอุตสาหกรรมญี่ปุ่นรายอื่นๆ เพื่อขยายกำลังการผลิตในระยะที่ 2 รองรับความต้องการชีวมวลอัดแท่งในช่วงปี 2585 ที่สูงราว 8 ล้านตันต่อปี ตามนโยบายด้านพลังงานทดแทนของประเทศญี่ปุ่น

“ปัจจุบันราคาน้ำตาลโลกถูกกำหนดโดย 3 ยักษ์ใหญ่ผู้ส่งออก คือ บราซิล ไทย และอินเดีย ดังนั้นการที่อินเดียงดส่งออกน้ำตาล จึงส่งผลกระทบต่อความเคลื่อนไหวราคาน้ำตาลโลกอย่างแน่นอน เนื่องจากคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทรายอนุญาตให้ผู้ประกอบการส่งออกน้ำตาลทรายดิบ และน้ำตาลทรายขาวได้สูงสุด 70% ของกำลังการผลิตทั้งหมด ขณะเดียวกันยังมีรายได้ประจำจากส่วนแบ่งการลงทุนราว 25% ในบริษัทผลิตชีวมวลอัดแท่งเข้ามาหนุนศักยภาพของบริษัทอีกด้วย”

เป้าหีบอ้อย 2.5 ล.ตัน

พร้อมกันนี้ บริษัทได้วางแผนการปลูกอ้อยปี 2566/2567 เพื่อรักษาค่าความหวานไว้ไม่ให้ต่ำกว่า 10 ซีซีเอส. (CCS : Commercial Cane Sugar)โดยได้โดยเฉพาะการหาแหล่งน้ำ เช่น บ่อบาดาลใกล้แหล่งน้ำผิวดินเตรียมความพร้อมกระจายไว้หลายจุด ประกอบกับปริมาณน้ำฝนที่ จ.บุรีรัมย์ ยังเหมาะสมกับการเจริญเติบโตของอ้อยที่ดีอีกด้วย จึงมั่นใจว่าปี 2567 บริษัทจะสามารถหีบอ้อยได้ราว 2.5 ล้านตันตามเป้า เบื้องต้นอยู่ระหว่างจัดทำแผนการดำเนินงานประจำปี 2567 แต่คาดว่ารายได้รวมทั้งปีจะโตกว่าปี 2566 มากกว่า 20%ได้อย่างแน่นอน

เบื้องต้นภาพรวมธุรกิจทั้งปี 2566 สามารถดำเนินงานได้ตามเป้าหมาย โดยบริษัทได้ทำสัญญาซื้อ - ขายน้ำตาลล่วงหน้าไปแล้ว 90% ของปริมาณการขายทั้งหมดในราคาที่น่าพอใจ เมื่อรวมพรีเมียมต่างๆ จะเฉลี่ยอยู่ที่กว่า 20.50 เซ็นต์ต่อปอนด์ อีกทั้งได้รับปัจจัยบวกจากการอ่อนค่าของเงินบาทที่ยังมีแนวโน้มเคลื่อนไหวอ่อนค่า ซึ่งจะเป็นปัจจัยหนุนต่อธุรกิจส่งออกโดยภาพรวม

“ปี 2566 รายได้จากการส่งออกน้ำตาลจะยังคิดเป็นสัดส่วนราว 80% ของรายได้รวมทั้งปี ดังนั้นหากอัตราแลกเปลี่ยนสกุลเงินบาทยังคงมีแนวโน้มอ่อนค่าเมื่อเทียบกับสกุลดอลลาร์สหรัฐอเมริกาก็จะส่งผลดีต่อผลการดำเนินงานโดยภาพรวมของบริษัทอย่างมีนัยสำคัญ”

สำหรับธุรกิจแพ็กเกจจิ้งจากชานอ้อย ภายใต้ชื่อ บริษัท ชูการ์เคน อีโคแวร์ จำกัด ยังคงมีแนวโน้มเติบโตสอดคล้องกับกระแสการดำเนินธุรกิจที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม (Environment) กระตุ้นให้ผู้ประกอบการหันมาใช้ผลิตภัณฑ์ที่สามารถย่อยสลายได้มากขึ้นโดยเฉพาะผู้ประกอบธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับอาหาร อาทิ โรงแรม ภัตตาคาร ร้านอาหารเชนขนาดใหญ่ ฯลฯ

รู้ทันเกม รู้ก่อนใคร ติดตาม "ทันหุ้น" ที่นี่

FACEBOOK คลิก https://www.facebook.com/Thunhoonofficial/

YOUTUBE คลิก https://www.youtube.com/channel/UCYizTVGMealUUalT6VdUdNA

Tiktok คลิก https://www.tiktok.com/@thunhoon_

LINE@ คลิก https://lin.ee/uFms4n5

TELEGRAM คลิก https://t.me/thunhoon_news

Twitter คลิก https://twitter.com/thunhoon1