FORTH ไตรมาส 3 กำไร 122 ล. -48% งวด 9 เดือนกำไร 550 ล. ลดลง 11%

#FORTH #ทันหุ้น - บริษัท ฟอร์ท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ FORTH แจ้งผลการดำเนินงานไตรมาส 3/2566 มีกำไรสุทธิ 122.17 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 0.13 บาท ลดลง 48% เทียบกับงวดเดียวกันปีก่อนกำไรสุทธิ 234.89 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 0.25 บาท

สำหรับงวด 9 เดือนมีกำไรสุทธิ 550.32 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 0.59 บาท ลดลง 11% เทียบกับงวดเดียวกันปีก่อนกำไรสุทธิ 618.58 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 0.66 บาท

บริษัทชี้แจงว่า กลุ่มบริษัทมีรายได้รวมสำหรับไตรมาส 3 ปี 2566 จำนวน 2,452 ล้านบาท ลดลง 308 ล้านบาท หรือลดลงร้อยละ 11 เมื่อเปรียบเทียบกับรายได้รวมสำหรับไตรมาส 3 ปี 2565 ซึ่งมีจำนวน 2,760 ล้านบาท โดยส่วนใหญ่เกิดจากการลดลงของรายได้จากธุรกิจอีเอ็มเอส

กลุ่มบริษัทมีกำไรสุทธิสำหรับไตรมาส 3 ปี 2566 จำนวน 122 ล้านบาท ลดลง 113 ล้านบาท หรือลดลงร้อยละ 48 เมื่อเปรียบเทียบกับกำไรสุทธิสำหรับไตรมาส 3 ปี 2566 ซึ่งมีจำนวน 235 ล้านบาท โดยส่วนใหญ่เกิดจากการลดลงของกำไรขั้นต้นจากธุรกิจอีเอ็มเอส

ธุรกิจอีเอ็มเอส

บริษัทมีรายได้จากธุรกิจอีเอ็มเอสสำหรับไตรมาส 3 ปี 2566 จำนวน 713 ล้านบาท ลดลง 490 ล้านบาท หรือลดลงร้อยละ 41เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน ซึ่งมีจำนวน 1,203 ล้านบาท โดยมีสาเหตุจากการลดลงของคำสั่งซื้อของลูกค้ารายใหญ่รายหนึ่งของการรับจ้างผลิตแผงวงจรอิเล็กทรอนิกส์และการลดลงของรายได้จากการจำหน่ายชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์

ธุรกิจเอ็นเตอร์ไพรซ์ โซลูชั่นส์

บริษัทมีรายได้จากธุรกิจเอ็นเตอร์ไพรซ์ โซลูชั่นสำหรับไตรมาส 3 ปี 2566 จำนวน 685 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 145 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 27เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน ซึ่งมีจำนวน 540 ล้านบาท โดยส่วนใหญ่เกิดจากรายได้งานโครงการขายพร้อมติดตั้งอุปกรณ์ IP Core Router และ DWDM

ธุรกิจสมาร์ท เซอร์วิส

บริษัทมีรายได้จากธุรกิจสมาร์ท เซอร์วิส สำหรับไตรมาส 3 ปี 2566 จำนวน 965 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 57 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 6เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน ซึ่งมีจำนวน 908 ล้านบาท โดยส่วนใหญ่เกิดจากการเพิ่มขึ้นของรายได้จากธุรกิจตู้เต่าบิน

ธุรกิจอีเอ็มเอส

กำไรขั้นต้นสำหรับไตรมาส 3 ปี 2566 จำนวน 117 ล้านบาท ลดลง 180 ล้านบาท หรือลดลงร้อยละ 61 จากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน ซึ่งมีกำไรขั้นต้นจำนวน 297 ล้านบาท สอดคล้องกับการลดลงของรายได้ของธุรกิจอีเอ็มเอส ประกอบกับการเพิ่มขึ้นของค่าเผื่อการลดลงของมูลค่าสินค้าคงเหลืออัตรากำไรขั้นต้นสำหรับไตรมาส 3 ปี 2566 ลดลงจากจากร้อยละ 25 เป็น ร้อยละ 16 เนื่องจากยอดขายของงานรับจ้างผลิตแผงวงจรอิเล็กทรอนิกส์ลดลงในขณะที่ค่าใช้จ่ายการผลิตส่วนหนึ่งคงที่ ดังนั้น จึงทำให้ต้นทุนผลิตและต้นทุนขายเพิ่มขึ้นและส่งผลให้กำไรขั้นต้นและอัตรากำไรขั้นต้นลดลง

ธุรกิจเอ็นเตอร์ไพรซ์ โซลูชั่นสี

กำไรขั้นต้นสำหรับไตรมาส 3 ปี 2566 จำนวน 154 ล้านบาท ลดลง 6 ล้านบาท หรือลดลงร้อยละ 4 จากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน ซึ่งมีกำไรขั้นต้นจำนวน 160 ล้านบาท ซึ่งไม่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างมีสาระสำคัญเมื่อเปรียบเทียบกับกำไรขั้นต้นของช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน

อัตรากำไรขั้นต้นสำหรับไตรมาส 3 ปี 2566 ลดลงจากร้อยละ 30 เป็นร้อยละ 22 เนื่องจากอัตรากำไรขั้นต้นของงานโครงการที่เกิดขึ้นในไตรมาส 3 ปี 2566มีอัตรากำไรขั้นต้นที่ต่ำกว่าอัตรากำไรขั้นต้นของงานโครงการที่เกิดขึ้นไตรมาส 3 ปี 2565

ธุรกิจสมาร์ท เซอร์วิส

กำไรขั้นต้นสำหรับไตรมาส 3 ปี 2566 จำนวน 274 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 64 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 30 จากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน ซึ่งมีกำไรขั้นต้นจำนวน 210 ล้านบาท สอดคล้องกับการเพิ่มขึ้นของรายได้จากธุรกิจตู้เต่าบิน นอกจากนี้ ยังเกิดจากการลดลงของค่าเสื่อมราคาของตู้เติมเงินเนื่องจากจำนวนตู้เติมเงินที่ตัดค่าเสื่อมราคาหมดแล้วแต่ยังคงใช้งานอยู่มีจำนวนเพิ่มขึ้นอัตรากำไรขั้นต้นสำหรับไตรมาส 3 ปี 2566 เพิ่มขึ้นจากร้อยละ 23 เป็นร้อยละ 28 เนื่องจากเหตุผลตามที่อธิบายไว้ในวรรคก่อน

ค่าใช้จ่ายในการขาย

ค่าใช้จ่ายในการขายสำหรับไตรมาส 3 ปี 2566 มีจำนวน 42 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 2 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 5 เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนซึ่งมีจำนวน 40 ล้านบาท ซึ่งไม่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างมีสาระสำคัญเมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน

ค่าใช้จ่ายในการบริหาร

ค่าใช้จ่ายในการบริหารสำหรับไตรมาส 3 ปี 2566 มีจำนวน 314 ล้านบาทลดลง 12 ล้านบาท หรือลดลงร้อยละ 4 เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนซึ่งมีจำนวน 326 ล้านบาท เนื่องจากการลดลงของหนี้สงสัยจะสูญของลูกหนี้เงินให้กู้ยืมและลูกหนี้การค้าของธุรกิจสมาร์ท เซอร์วิส

ค่าใช้จ่ายทางการเงิน

ค่าใช้จ่ายทางการเงินสำหรับไตรมาส 3 ปี 2566 มีจำนวน 52 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 26 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 100เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนซึ่งมีจำนวน 26 ล้านบาท เนื่องจากการเพิ่มขึ้นของเงินกู้ยืมระยะสั้น เงินกู้ยืมระยะยาวและอัตราดอกเบี้ย

ค่าใช้จ่ายภาษีเงินได้

ค่าใช้จ่ายภาษีเงินได้สำหรับไตรมาส 3 ปี 2566 มีจำนวน 49 ล้านบาท ลดลง 25 ล้านบาท หรือลดลงร้อยละ 34 เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน ซึ่งมีจำนวน 74 ล้านบาท โดยสอดคล้องกับกำไรที่ลดลง