นายสมชาย เลิศขจรกิตติ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เพรสซิเด้นท์ ออโตโมบิล อินดัสทรีส์ จำกัด (มหาชน) หรือ PACO เปิดเผยถึงแผนงานในปี 2567 ว่า บริษัทตั้งเป้ายอดขายเพิ่มขึ้น 15-20% เนื่องจากมีลูกค้าใหม่เข้ามา ขณะที่ลูกค้าเดิมมีคำสั่งซื้อ(ออเดอร์) เพิ่ม โดยเฉพาะคูโบต้า ซึ่งแผนเดิมตั้งเป้าไว้ที่ 2 พันคัน ปรับตัวเพิ่มขึ้นเป็น 3 พันคัน ทำให้รายได้เพิ่มขึ้นมาค่อนข้างมากพอสมควร ส่วนตลาดเดิมในต่างประเทศจะมีการขยายต่อไป เนื่องจากในปี 66 ทำไว้ดีพอสมควร ทำให้มีออเดอร์ต่อเนื่องเข้ามาเป็นแบ็กล็อก
ส่วนความคืบหน้าส่วนของรถไฟฟ้า(อีวี) อยู่ระหว่างคุยกันกับผู้ประกอบการจากจีนจำนวน 2 รายที่จะย้ายฐานการผลิตมายังประเทศไทย ซึ่งมี 1 รายกำลังสร้างโรงงานอยู่ หากมีความคืบหน้าจะอัพเดทให้ฟังอีกครั้ง ตอนนี้ยังอยู่ในขั้นตอนของการเจรจา
ด้านกำลังการผลิต ณ ปัจจุบัน บริษัทไม่กังวล เนื่องจากบริษัทกำลังผลิตค่อนข้างพอดี และบริหารจัดการการผลิตได้อย่างมีประสิทธิภาพ ปัจจุบันบริษัทใช้กำลังผลิตอยู่ที่ประมาณ 80% ส่วนปี 2567 บริษัทมีแผนจะเพิ่มเครื่องจักรออโตเมชั่น โดยจะช่วยเพิ่มกำลังผลิตให้มากขึ้น และไม่จำเป็นต้องขยายพื้นที่ เพียงแค่เพิ่มอุปกรณ์ช่วยในการผลิต เบื้องต้นคาดจะใช้เงินลงทุนไม่มากประมาณ 50 ล้านบาท
ขณะที่การขยายสาขาออโต้ แบรนด์ "PACO Auto Hub" ปัจจุบันเปิดไปแล้วกว่า 200 สาขาทั่วประเทศ โดยภายในร้านจะจำหน่ายผลิตภัณฑ์ คอยล์ร้อนและคอยล์เย็นแบรนด์ PACO เป็นหลัก และมีสินค้าอื่นๆ ซึ่งยังคงมีตัวแทนคนใหม่ๆ เข้ามาต่อเนื่องเฉลี่ยต่อเดือนอยู่ที่ประมาณ 3-4 ราย ส่วนปี 2567 คาดว่าจะมีสาขาเพิ่มอีก 20-30 สาขา
“ราคาวัตถุดิบอะลูมิเนียมปรับตัวลดลงมาเยอะแล้ว ตัวมาร์จิ้นเริ่มดีขึ้น กำไรขั้นต้นทำให้ดีขึ้นเยอะ และออเดอร์เข้ามามากขึ้น แบ็กล็อกก็ขยายไป คิดว่าปี 67 น่าจะทำยอดขายได้ดีขึ้น 15-20% ตามเป้าโดยฉพาะปี 66 เราทำได้ตามเป้าโดยยอดขายยังดี แต่กำไรอาจจะน้อยลงนิดนึงตามราคาวัตถุดิบที่เพิ่งเริ่มปรับลงมา ต้องใช้เวลารับรู้ราคาวัตถุดิบใหม่ คาดว่าปี 67น่าจะดีขึ้น และคงที่” นายสมชาย กล่าว
สำหรับผลประกอบการไตรมาส 3/2566 ถือว่าเป็นที่น่าพอใจ และเป็นไปตามคาด เพราะอัตรากำไรขั้นต้น (Gross Profit Margin) เริ่มขยับดีขึ้น โดยไตรมาส 3/2566 บริษัทมีกำไรสุทธิได้ 31.69 ล้านบาท ส่วนยอดขายก็เพิ่มขึ้นตามลำดับ
หากเทียบตัวเลขการเติบโตกำไรในไตรมาส 3/2566 อยู่ที่ 31.69 ล้านบาท เทียบกับกำไรในไตรมาส 2/2566 ที่ 23.88 ล้านบาท เพิ่มขึ้น7.81 ล้านบาท หรือคิดเป็นการเติบโตที่ 32.70% หรือหากดูไตรมาส 3 เพียงไตรมาสเดียว บริษัทสามารถทำกำไรได้สูงกว่าไตรมาส 1/2566 และไตรมาส 2/2566 รวมกันที่ 27.29 ล้านบาท
ขณะที่ Gross Profit Margin ขยับขึ้นมาอยู่ที่ 16% ส่วน Net Profit Margin อยู่ที่ 8-9% ถือเป็นระดับที่น่าพอใจมาก และคาดว่าช่วงที่เหลือต่อจากนี้ Gross Profit Margin และ Net Profit Margin จะขยับดีขึ้นเรื่อยๆ ตามราคาต้นทุนวัตถุดิบที่ลดลง และรับรู้ราคาวัตถุดิบใหม่
สำหรับผลประกอบการ 9 เดือนแรกปี 2566 บริษัทมีรายได้รวมที่ 804.91 ล้านบาท เมื่อเทียบกับ 9 เดือนช่วงเดียวกันกับปีก่อน 687.85 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 117.06 ล้านบาท หรือคิดเป็นการเติบโตเพิ่มขึ้น 17.02% ส่วนกำไรสุทธิ 9 เดือนแรกปี 2566 ทำได้ 58.98 ล้านบาท เทียบกับช่วงเดียวกันกับปีก่อนที่ 80.48 ล้านบาท ลดลง 21.50 บาท หรือ 26.71%
รู้ทันเกม รู้ก่อนใคร ติดตาม "ทันหุ้น" ได้ทุกช่องทางเหล่านี้
YOUTUBE คลิก https://www.youtube.com/c/ThunhoonOfficial
FACEBOOK คลิก https://www.facebook.com/Thunhoonofficial/
Tiktok คลิก https://www.tiktok.com/@thunhoon_
TELEGRAM คลิก https://t.me/thunhoon_news
X คลิก https://twitter.com/thunhoon1
Instagram คลิก https://instagram.com/thunhoon.news?igshid=YTY2NzY3YTc=
เว็บไซต์นี้มีการจัดเก็บคุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของคุณให้ดียิ่งขึ้น การใช้งานเว็บไซต์นี้เป็นการยอมรับข้อกำหนดและยินยอมให้เราจัดเก็บคุ้กกี้ตามนโยบายความเป็นส่วนตัวของเรา อ่านเพิ่มเติม