> SET >

19 มกราคม 2024 เวลา 09:32 น.

เปิดมุมมอง 3 โบรกฯ ส่องกลยุทธ์ลงทุน พร้อมเสิร์ฟหุ้นเด่นวันนี้

#ทันหุ้น-บล.ฟินันเซีย ไซรัส มองแนวโน้มตลาดวันนี้ SET Index เคลื่อนไหว Sideways กรอบ 1370-1390 แม้ว่าดาวโจนส์จะพลิกมาบวกแต่ปัจจัยโดยรวมยังค่อนข้างเป็นลบ Bond yield สหรัฐอายุ 10 ปียังขยับสูงต่อเป็น 4.16% แนวโน้ม Fed น่าจะตรึงดอกเบี้ยในระดับสูงนาน กระแสเงินทุนของต่างชาติยังไหลออกจากภูมิภาค 


ปัจจัยในประเทศเองไม่มีปัจจัยบวกใหม่ วันนี้ติดตามงบกลุ่มแบงก์ที่เหลือ อังคารหน้าติดตามการประชุม ครม. และพุธหน้าติดตามความคืบหน้าของนโยบายดิจิตอลวอลเล็ต ตลาดยังอยู่ในช่วงพักและสร้างฐาน แต่เรายังมองว่า SET Index ยังมีโอกาส Outperform หุ้นโลกได้ในปีนี้บนสมมติฐานเศรษฐกิจและกำไรบริษัทจดทะเบียนทยอยฟื้นตัว ขณะที่ Valuation อยู่ในระดับที่ไม่แพงเทียบกับอดีตทั้งในแง่ PE ที่ 14.5 เท่าและ EY Gap ที่กว่า 4%


กลยุทธ์ : เลือกหุ้นที่โมเมนตัมกำไร 4Q23-2024 แข็งแกร่งและ PER/PBV ต่ำเทียบกับ Pre-Covid // ถือลงทุนต่อเนื่องหลังสะสมหุ้นเพิ่มที่ระดับ 1,400 จุดหรือต่ำกว่า

หุ้นเด่นเดือน ม.ค.:  CHG, COM7, GFPT, SAPPE, SAWAD


หุ้นเด่นวันนี้ : SAFE

• แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 25 บาท

• คาดกำไรสุทธิ 4Q23 +5% q-q, +96% y-y เป็น 63 ลบ. จากการเพิ่มขึ้นของรายได้บริการผู้มีบุตรยากและการตรวจพันธุกรรมตัวอ่อน ทำให้กำไรปี 2023 จบที่ 212 ลบ. +31% y-y

• แนวโน้มปี 2024 สดใสจาก demand ของการมีบุตรในปีมังกร ซึ่งมีความต้องการทั้งคนไทยและต่างชาติ รวมถึง demand ปกติที่คนสมัยนี้มีบุตรยาก เราคาดกำไรปี 2024 +33% y-y เป็น 281 ลบ. ราคาหุ้นปัจจุบันเทรดที่ PE 22.5x ถูกกว่า GFC ที่ 24.7x และกลุ่มการแพทย์ที่ 25-30x

• แนวรับ 20.20 บาท แนวต้าน 21.20 บาท


**บล.ดาโอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) คาดดัชนีฯ มีโอกาสลดลงต่อ ความเสี่ยงของตลาดยังมีอยู่ และวันนี้หุ้นธนาคารใหญ่จะนำส่งงบเกือบทุกตัว(ที่เหลือ) ด้านสัญญาณดอกเบี้ยของ Fed ยังเป็นตัวแปรสำคัญของตลาด เพราะโอกาสในการคงดอกเบี้ยในการประชุมเดือน มี.ค.มากพอๆกับลดดอกเบี้ยแล้ว แม้นักลงทุนจะรับรู้ไปบ้างบ้างแล้ว แต่เนื่องจาก การลดดอกเบี้ย เป็นการคาดหวังของนักลงทุนที่ค่อนข้างมากในช่วงก่อนหน้านี้ หากเลื่อนออกไป จะทำให้การลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงต่างๆ ลดลงตามไปด้วย


• ความขัดแย้งในตะวันออกกลาง ที่มีการใช้กำลังไปในหลายๆ พื้นที่ ล่าสุด อิหร่านโจมตีข้ามไปยังประเทศปากีสถาน เรามองเรื่องนี้เป็นความเสี่ยงที่จะทำให้เศรษฐกิจโลกฟื้นตัวช้าลง และความเสี่ยงที่จะเกิดความรุนแรงในระดับที่มากกว่านี้ด้วย ... หุ้นที่มีความเสี่ยงทางตรงจาก สถานการณ์ตะวันออกกลาง ที่ต้องระวังมากขึ้น คือ กลุ่มเดินเรือ หุ้น Commodity  รวมไปถึงธุรกิจท่องเที่ยวและโรงพยาบาล บางตัว เช่น BH , BDMS


• Fund Flow ยังเป็น net sell ในตลาด EM และเอเซีย โดย 6 ตลาดหลักของเอเซีย เป็นลบ (sell) เกือบทุกตลาด รวมทั้งอินเดียและไต้หวัน คาดมาจากการลดดอกเบี้ยของ Fed อาจถูกชะลอออกไป ท่ามกลางความเสี่ยงในตะวันออกกลาง และเศรษฐกิจจีน


• ความหวังในเรื่อง Digital Wallet มีน้อยลง กระทบต่อการฟื้นตัวของหุ้นกลุ่มค้าปลีก ห้างฯ และธุรกิจจำหน่ายสินค้าไอที

• วันนี้ KBANK, KKP, KTB, KTC, SCB, TTB  จะนำส่งงบ  จะมีผลต่อราคาหุ้นกลุ่มนี้ ตัวเลขที่ควรให้ความสนใจคือการตั้งสำรองฯ และแนวโน้มการตั้งสำรองฯ จากฝ่ายบริหารฯ


• ตัวเลขเศรษฐกิจและ event สำคัญๆ ยอดขายบ้านมือสองของสหรัฐฯ


Strategy

• ดัชนีฯ ลดลงเพียงเล็กน้อย แต่ยังไม่น่าวางใจ เพราะเป็นวันสุดท้ายของสัปดาห์  และหุ้นธนาคารรายงานกำไรหลายตัว วันนี้ถ้าดัชนีฯ ไม่ต่ำกว่า 1370 จุด (ปิด) มีโอกาสเห็นการ rebound ในวันจันทร์.....  กลยุทธ์  รวมๆ ยังเป็นชะลอการลงทุนเพื่อลดความเสี่ยง หรือเก็งกำไร ก็ควรปรับ time frame เป็นเล่นช่วงสั้นๆ

• ค่าการกลั่นน้ำมัน (อ้างอิง Brent) ขยับขึ้นมาเป็น $13.7 เหรียญ/บาร์เรล ดีต่อหุ้น TOP

• จับสัญญาณเก็งกำไรหุ้นที่ผลประกอบการมีแนวโน้มดีหรือฟื้นตัว TKN, SAPPE, SISB

• หุ้นในพอร์ตวันนี้ เรานำ  TU, RBF เข้ามา หุ้นในพอร์ตวันนี้ ประกอบไปด้วย TU(10%), RBF*(10%),  BGRIM(10%)


Technical :  COCOCO, MCA


**บล.คิงส์ฟอร์ด จำกัด ประเมินดัชนี SET ทรงตัวในกรอบ 1,370 – 1,387 ได้แรงหนุนจากกลุ่มเทคโนโลยีฟื้นตัว แต่คาดยังฟื้นตัวได้จำกัด ระหว่างรอรายงานกำไรของกลุ่มธนาคาร แนะนำทยอยซื้อกลุ่มปลอดภัย &ปันผล เช่น INTUCH, BH, GPSC, AP, AH, SAT /เก็งกำไร RCL,SINO (Drewry World Container Index +23% อยู่ที่ $3,777)


NYT* (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย IAA Consensus 5.05 บาท) บริษัทรายงานกำไรสุทธิ 3Q66 ที่ 123 ล้านบาท +10%QoQ, +93%YoY ดีขึ้นต่อเนื่อง แรงหนุนจากรายได้การให้บริการท่าเทียบเรือ +20%YoY ตามปริมาณรถยนต์ผ่านท่าเรือ สอดคล้องกับยอดส่งออกรถยนต์ของไทยที่ใน 3Q66 และยอดนำเข้ารถยนต์ไฟฟ้าที่ยังเติบโตในระดับสูง ส่งผลให้อัตรากำไรขั้นต้นดีขึ้นเป็น 43.7% รวม 9M66 มีกำไรสุทธิ 340 ล้านบาท +114%YoY ส่วนแนวโน้ม 4Q66 คาดยังเติบโตได้ YoY แต่ QoQ อาจลดลงจากค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้น โดยตลาดคาดกำไรสุทธิปี 66 ที่ 420 ล้านบาท +67%YoY รับอานิสงส์ยอดส่งออก-นำเข้ารถยนต์ของไทยที่ฟื้นตัว และรายได้อีกราว 30% ที่มาจากการใช้เข้าพื้นที่โกดังสินค้าที่อัตราการเช่าใช้ที่อยู่ในระดับสูงต่อเนื่อง อย่างไรก็ตามคาดว่าในส่วนของเรือ Ferry Seahorse ยังขาดทุนอยู่และน่าจะเป็นตัวฉุดผลประกอบการอยู่ ส่วนปี 67 คาดกำไรที่ 446 ล้านบาท +6%YoY แม้เติบโตไม่สูงแต่เป็นหุ้นที่ให้ผลตอบแทนจากเงินปันผลที่ดีราว 7% 


DMT* (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย Bloomberg Consensus 14.20 บาท) กำไรสุทธิ 9M66 อยู่ที่ 754.62 ลบ. +38.49%YoY เห็นการฟื้นตัวได้ต่อเนื่องตามรายได้ค่าผ่านทางจาก Traffic การเดินทางที่สูงขึ้นทั้งในส่วนของสัมปทานเดิม และตอนต่อขยายด้านทิศเหนือ หลังการระบาดของ Covid-19 คลี่คลาย ส่วนการดำเนินงานช่วงถัดไป 4Q66 คาดว่าจะยังมีแรงหนุนจากการเป็น High Season การท่องเที่ยว ช่วยหนุน Traffic การเดินทาง โดยภาพรวมปี66 ทางผู้บริหารตั้งเป้าปริมาณการจราจรเฉลี่ยไม่ต่ำกว่า 110,000 คันต่อวัน เพิ่มขึ้นจากปี65 ที่ 85,000 คันต่อวัน ทั้งนี้ ตลาดคาดกำไรสุทธิ ปี66 และ ปี67 ของ DMT* จะอยู่ที่ 1,018  ลบ.( +30.35%YoY) และ 1,189 ลบ.(+16.80%YoY) ตามลำดับ



รู้ทันเกม รู้ก่อนใคร ติดตาม "ทันหุ้น" ที่นี่

FACEBOOK คลิก https://www.facebook.com/Thunhoonofficial/

YOUTUBE คลิก https://www.youtube.com/channel/UCYizTVGMealUUalT6VdUdNA

Tiktok คลิก https://www.tiktok.com/@thunhoon_

LINE@ คลิก https://lin.ee/uFms4n5

TELEGRAM คลิก https://t.me/thunhoon_news

Twitter คลิก https://twitter.com/thunhoon1


จาก
ถึง
Select...
หุ้น
Select...
หัวข้อ
Select...

เว็บไซต์นี้มีการจัดเก็บคุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของคุณให้ดียิ่งขึ้น การใช้งานเว็บไซต์นี้เป็นการยอมรับข้อกำหนดและยินยอมให้เราจัดเก็บคุ้กกี้ตามนโยบายความเป็นส่วนตัวของเรา  อ่านเพิ่มเติม

X