13 กุมภาพันธ์ 2024 เวลา 17:19 น.
#ทันหุ้น - บล.หยวนต้า ส่องหุ้นกลุ่มยานยนต์ คาด Q4/66 ผลประกอบการชะลอตัว ตามอุตสาหกรรม คาดกำไรปกติ Q4/66 หุ้นกลุ่มยานยนต์ภายใต้ Coverage 5 บริษัท (AH IRC SAT STANLY TRU) ที่ 1,109 ล้านบาท -12%QoQ. -17% YoY ซึ่งสอดคล้องกับอุตสาหกรรมผลิตรถยนต์ในประเทศที่ยอดผลิตชะลอตัว -2%QoQ และ -12% เหลือ 455,692 คัน เนื่องจากทำกังซื้อในประเทศที่ลดลง เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจที่อ่อนแอ การควบคุมปล่อยสินเชื่อซึ่งเข้มงวมากขึ้น
อย่างไรก็ตามเมื่อพิจารณารายตัวพบว่า TRU มีผลประกอบการชะลอตัวมากสุดในกลุ่ม มีกำไรลตลง 71%YoY จากฐานที่สูงในปีก่อนที่มีออร์เดอร์ใหญ่ในส่วนของงานพ่นสี
ขณะที่ปีนี้ไม่มีรองลงมา AH โดยมีกำไรปกติลดลง 43% YoY เนื่องจากฐานสูงในปีก่อนและส่วนแบ่งกำไรบริษัทร่วมที่ลดลง ส่วนบริษัทที่กำไรเติบโต YoY นำโดย IRC (ประกาศงบแล้ว) กำไรฟื้นตัวเด่น 229% YoY จากฐานที่ต่ำ รับผลบวกจากตันทุนวัตถุดิบปรับลดลง
รองลงมาได้แก่ STANLY (ประกาศงบแล้ว) มีทำไรเติบโด 18% YoY และ SAT คาดกำไรเดิบใต 3%YoY จากนโยบายกการควบคุมต้นทุน และต้นทุนค่าไฟที่ปรับลดลง
ภาพรวมปี 2566 คาดทำไรปกติกลุ่มยานยนต์ภายใต้ Coverage ของฝ่ายวิจัย 5 บริษัทที่ 4,872 ล้านบาท ลดลง2%YoY ปรับลดลงตามปริมาณผลิตรถยนต์ที่ชะลอตัวลตลง 3%YoY เหลือ 1.84 ล้านคัน
ปี 2567 เป็นปีที่ท้าทาย ฝ่ามรสุมเศรษฐกิจที่ชะลอตัว
ฝ่ายวิจัยมองปี 2567 เป็นปีที่ท้าทายของกลุ่มขึ้นส่วนยานยนต์ เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจทั้งในประเทศและตลาดโลกมีแนวโน้มชะลอตัว กอปรกับการแข่งขันที่รุนแรงมากขึ้นในตลาด EV ฝ่ายวิจัยประมาณกำไรปกติ ของกลุ่มยานยนต์ภายใต้ Coverage ของฝ่ายวิจัย 6 บริษัทที่ 5,238 ล้านบาท +8% YoY อิงสมมติฐานยอตผลิตรตยนต์ของประเทศในปี 2567 ที่ 1.90 ล้านคัน เติบโต 3%YoY เติบโตใกล้เคียงกับ GDP ที่ 2.8-3.3%
โดยฝ่ายวิจัยคาดหวังการบริโภคในประเทศจะปรับตัวดีขึ้น จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจภาครัฐ หนุนแรงรากหญ้า และกลุ่มเกษตรกร ซึ่งเป็นกลุ่มเป้าหมายหลักมีกำลังซื้อเพิ่ม ขณะที่ตลาดส่งออก คาดยังเห็นการเติบโต ปัจจัยที่สนับสนุนการส่งออก เช่นเงินเฟ้อของไทยต่ำกว่าคู่แข่ง ด้านประสิทธิภาพคาดปรับตัวดีขึ้นเมื่อเทียบปีก่อน ผลบวกจากต้นทุนค่าไฟที่ลดลง และราคาวัตถุติบหลายตัว อาทิ ยาง เม็ดพลาสติก ที่ปรับลดลงตามราคาน้ำมันในตลาตโลก
ตลาด EV แม้ศึกคัก แต่ผู้ผลิตชิ้นส่วนไทยยังไม่ได้ผลบวกช่วงแรก
แม้ปีที่ผ่านมาตัวเลขยอดจดทะเบียนยานยนต์ประเภทไฟฟ้า (BEV) จะเพิ่มขึ้นถึง 382%YoY เป็น 100,214 คันและสัดส่วนต่อยอดจดทะเบียนเพิ่มเป็น 11.2% เพิ่มจากปีก่อนที่สัดส่วนเพียง 1.1% อย่างไรก็ตามส่วนใหญ่ยังเป็นการนำเข้าจากค่ายรถยนต์จากจีน และ ค่าย Tesla ของสหรัฐอเมริกา ซึ่งกลับกลายเป็นการแย่งส่วนแบ่งตลาดรถยนต์ที่ผลิตในประเทศ ซึ่งเป็นปัจจัยลบต่อผู้ผลิตชิ้นส่วน ซึ่งส่วนใหญ่ผลิตให้กับค่ายญี่ปุ่น
ทั้งนี้ ฝ่ายวิจัยคาดว่าค่ายรถยนต์ทั้งจีน และญี่ปุ่น จะเริ่มผลิตโดยใช้ฐานการผลิตในประเทศไทยในช่วง 2H67 จากการสอบถามไปยังผู้ผลิตชิ้นส่วน พบว่าในปีนี้ค่ายรถจีนเริ่ม Outsource ชิ้นส่วนในประเทศบ้างแล้ว แต่มูลค่ายังไม่มาก ซึ่งผู้ผลิตชิ้นส่วนคาดหวังคำสั่งซื้อจากค่ายญี่ปุ่นมากกว่า ขณะที่ปัจจัยเสี่ยงคือการแข่งขันในตลาด EV ทั่วโลกมีแนวโน้มรุนแรงมากขึ้น
คงน้ำหนักการลงทุน "เท่ากับตลาด"
ฝ่ายวิจัยมองอุตสาหกรรมผลิตรถยนต์ในปี 2567 ฟื้นตัวในระตับ Low single digit คาดหวังมาตรการกระตุ้น เศรษฐกิจของภาครัฐจะช่วยหนุนการบริโภคในประเทศฟื้นตัว และตลาดส่งออกที่ยังเติบโต แต่ปัจจัยเสี่ยงที่กดดันการเติบโตของอุตสาหกรรม ปัจจัยในประเทศ ยังกังวล ได้แก่ ปัญหาหนี้ครัวเรือน อัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้นและปัจจัยมหภาค ได้แก่ ปัญหาความขัดแย้งระหว่างประเทศ และปัญหาสงครามการค้า เป็นต้น
ทั้งนี้ ฝ่ายวิจัยปรับหุ้น Top pick จาก AH เป็น SAT (มูลค่าพื้นฐาน 22.50บาท) ด้วย ณ ราคาปัจจุบัน SAT ให้ผลตอบแทนเงินปันผลที่จงใจกว่า สำหรับงวดปี 66 คาด Yield 8.2%
รู้ทันเกม รู้ก่อนใคร ติดตาม "ทันหุ้น" ที่นี่
FACEBOOK คลิก https://www.facebook.com/Thunhoonofficial/
YOUTUBE คลิก https://www.youtube.com/channel/UCYizTVGMealUUalT6VdUdNA
Tiktok คลิก https://www.tiktok.com/@thunhoon_
LINE@ คลิก https://lin.ee/uFms4n5
TELEGRAM คลิก https://t.me/thunhoon_news
Twitter คลิก https://twitter.com/thunhoon1
เว็บไซต์นี้มีการจัดเก็บคุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของคุณให้ดียิ่งขึ้น การใช้งานเว็บไซต์นี้เป็นการยอมรับข้อกำหนดและยินยอมให้เราจัดเก็บคุ้กกี้ตามนโยบายความเป็นส่วนตัวของเรา อ่านเพิ่มเติม