#TNR#ทันหุ้น - TNR คึกคัก! รับอานิสงส์เข้าสู่ช่วงเทศกาลวันวาเลนไทน์ ดันความต้องการ-ยอดขายถุงยางอนามัยสดใส แถมยิ้มรับบาทอ่อนค่า หนุนรายได้พุ่งทะยาน พร้อมวางหมากปี 2567 ปั๊มผลงานไฉไลต่อเนื่องปี 2566 รับแรงหนุนออเดอร์ทะลักอื้อ

ฝ่ายนักลงทุนสัมพันธ์ บริษัท ไทยนิปปอนรับเบอร์อินดัสตรี้ จำกัด (มหาชน) หรือ TNR ผู้ผลิตและจำหน่ายถุงยางอนามัยจากน้ำยางธรรมชาติรายใหญ่ที่สุดในไทย เปิดเผยว่า สำหรับเทศกาลวันแห่งความรัก หรือ วาเลนไทน์ ที่ตรงกับวันที่ 14 กุมภาพันธ์2567 นั้นบริษัทมองถือเป็นเทศกาลที่เป็นปัจจัยบวกต่อบริษัท โดยเฉพาะตลาดในประเทศ เนื่องจากช่วยสนับสนุนยอดขายผลิตภัณฑ์ต่างๆ ของธุรกิจปรับตัวดีขึ้นอย่างชัดเจน

ทั้งนี้ จากการสำรวจข้อมูลสัดส่วนรายได้ของTNR ล่าสุดมาจากผลิตและจำหน่ายสินค้าให้กับลูกค้าในประเทศภายใต้แบรนด์หลัก ๆ คือ ONETOUCH คิดเป็นตัวเลขราว4-5% ส่วนที่เหลือเป็นการผลิตและส่งออกสินค้าต่างๆ ไปยังต่างประเทศ ขณะที่ในแง่โครงสร้างรายได้ของบริษัทหากจำแนกเฉพาะตลาดในต่างประเทศนั้นเป็นรูปแบบการที่บริษัทรับจ้างผลิต(OEM) ให้กับลูกค้าเป็นตัวเลขอยู่ที่ประมาณ 95-96% และที่เหลือมาจากแบรนด์ของธุรกิจเอง

ค่าเงินหนุน-ปี67โตต่อ

ส่วนแนวโน้มค่าเงินบาทที่อ่อนค่าอย่างต่อเนื่องจนล่าสุดเคลื่อนไหวมาอยู่ที่ประมาณ35.90 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ (อิงข้อมูลของธนาคารแห่งประเทศไทย ณ สิ้นวันที่12 กุมภาพันธ์ 2567) บริษัทมองน่าจะผลบวกต่อบริษัท เพราะปัจจุบันรายได้ส่วนใหญ่ของTNR มาจากการส่งออกสินค้าไปยังต่างประเทศ จึงน่าจะเป็นแรงสนับสนุนสำคัญที่ทำให้รายได้จากการส่งออกขยายตัวมากขึ้น

สำหรับทิศทางผลประกอบการปี 2567 เบื้องต้นทาง TNR ประมาณการยังสามารถเติบโตต่อเนื่องเมื่อเทียบกับปี2566 ผลมาจากธุรกิจมีการทำตลาดเพื่อเข้าถึงกลุ่มลูกค้าใหม่ๆ เพิ่มเติม ส่งผลให้แนวโน้มยอดขายของบริษัทปรับตัวดีขึ้น ตลอดจนธุรกิจสามารถบริหารจัดการต้นทุนได้อย่างมีประสิทธิ์ภาพ

อย่างไรก็ดี ในช่วงปี 2566 ที่ผ่านมาทาง TNR ได้มีการขยายผลิตภัณฑ์ถุงยางอนามัยภายใต้แบรนด์ของบริษัทฯ เพื่อบุกตลาดต่างประเทศ ได้แก่ แบรนด์ “แกสซึ่ม” เพื่อจำหน่ายในทวีปยุโรปแบรนด์ “คัสตอม” เพื่อจำหน่ายในประเทศสหรัฐฯ โดยรุกตลาดผ่านวอล์มาร์ท ซึ่งเป็นห้างค้าปลีกยักษ์ใหญ่ที่เคยเป็นคู่ค้ากับบริษัท

รุกเจาะต่างแดนเพิ่ม

ขณะเดียวกันยังได้มีการพิจารณาแต่งตั้งผู้แทนจำหน่ายเพิ่มขึ้นอีก 1-2 รายในประเทศจีน จากเดิมที่มีตัวแทนจำหน่าย ซึ่งอยู่ทางตอนใต้ของจีน พร้อมทั้งวางแผนทำการตลาดร่วมกับผู้แทนจำหน่ายมากขึ้นหลังจากที่รัฐบาลจีนประกาศเปิดประเทศและผ่อนคลายมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดของ COVID-19

อย่างไรก็ดี ในช่วงที่ผ่านมาบริษัทได้มีการรุกธุรกิจกัญชงระดับต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ ได้แก่ การวิจัยพัฒนาการปลูกและคัดเลือกสายพันธุ์ร่วมกับทางมหาวิทยาลัยแม่โจ้ ผลิตและจำหน่ายสารสกัด ผลิตและจำหน่ายสารสกัด พัฒนาสินค้าอุปโภคบริโภคที่มีส่วนผสมของสาร CBD (Cannabidiol) และให้บริการตรวจวิเคราะห์ผลิตภัณฑ์จากกัญชงและกัญชา

นอกจากนี้ ล่าสุดโรงงานสกัดสารสำคัญจากกัญชงซึ่งเป็นธุรกิจกลางน้ำได้รับใบอนุญาตและเริ่มเดินเครื่องจักรแล้ว บริษัทฯ เริ่มมีส่งมอบสารสกัดและอยู่ระหว่างการเจรจากับลูกค้าที่สนใจซื้อสารสกัด CBD ซึ่งสามารถผลิตเป็นสารสกัด Full Spectrum (CBD Distillate ที่มี THC น้อยกว่า 0.2%), สารสกัดบริสุทธิ์ (CBD isolate) แบบผงที่มีความบริสุทธิ์มากกว่า 98% และแบบละลายน้ำ (CBD water soluble) เพื่อนำไปใช้เป็นส่วนผสมในการผลิตสินค้าอุปโภคบริโภคต่างๆ