#GTB #ทันหุ้น – GTB ฉายภาพธุรกิจปี 2567 สดใส ล่าสุดผนึกกำลังพาร์ตเนอร์ ตั้งบริษัทร่วมทุน “บริษัท จีทีบี พีค จำกัด” ถือหุ้น 58% รุกธุรกิจน้ำมันและก๊าซ โรงกลั่น และพลังงานทดแทน พร้อมต่อยอดธุรกิจอนาคตไกล ด้านผู้บริหารชี้ตลาดเริ่มฟื้นตัว ออเดอร์

นายสุชาติ  มงคลอารีย์พงษ์  ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจตาแบค จำกัด (มหาชน) หรือ GTB ผู้ผลิต ประกอบ ซ่อมสร้าง และจัดจำหน่ายเครื่องกำเนิดไอน้ำ เปิดเผยว่า บริษัทมองภาพธุรกิจปี 2567 จะดีต่อเนื่องจากปี 2566 เนื่องจากการลงทุน และการขยายโครงการต่างๆ คาดจะกลับมาคึกคักมากกว่าที่ผ่านมา โดยบริษัทจะเดินหน้าธุรกิจกลุ่มพลังงานสะอาด และกลุ่มเอ็นเนอร์ยี เพราะที่ผ่านมาธุรกิจดังกล่าวขยายตัวสูง และบริษัทมีกลุ่มลูกค้าพลังงานสะอาดเป็นจำนวนมาก

** รุกธุรกิจ Oil&Gas

ล่าสุดปลายปี 2566 คณะกรรมการบริษัท (บอร์ด) อนุมัติให้จัดตั้งบริษัทย่อยแห่งใหม่ และจัดตั้งบริษัทร่วมทุน โดยใช้ชื่อว่า บริษัท จีทีบี พีค จำกัด (GTB PEAK COMPANY LIMITED) จดทะเบียนและจัดตั้ง ณ ประเทศไทย ดำเนินธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการให้บริการด้านงานวิศวกรรม งานออกแบบทางวิศวกรรมที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจน้ำมันและก๊าซ โรงกลั่น และพลังงานทดแทนอื่นๆ

โดยทุนจดทะเบียนครั้งแรก 10 ล้านบาท โดยบริษัทจะเข้าลงทุน 58% ของทุนจดทะเบียนทั้งหมด และบริษัท พีค โมดูลาร์ ซิสเท็มส์ จำกัด ถือหุ้นในสัดส่วน 42%

ทั้งนี้ บริษัท พีค โมดูลาร์ ซิสเท็มส์ จำกัด จัดตั้งที่ประเทศไทย เมื่อวันที่ 9 กันยายน 2554 ประกอบธุรกิจให้บริการด้านงานวิศวกรรม งานออกแบบ และวางโครงร่างการบริหารโครงการ การจัดหาผู้สนับสนุน การบริหาร การก่อสร้างที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมน้ำมัน ก๊าซ ปิโตรคมี พลังงานและสาธารณูปโภคในประเทศและต่างประเทศ เป็นต้น

สำหรับแหล่งเงินทุนในบริษัทจะใช้เงินจากการดำเนินงาน เพื่อขยายธุรกิจ ทั้งนี้จะไม่กระทบต่อสภาพคล่องทางการเงินของบริษัทแน่นอน และบริษัทคาดจะได้รับการถ่ายทอดเทคโนโลยีจากผู้ที่มีความเชี่ยวชาญในธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมน้ำมันก๊าซ ปิโตรเคมี และพลังงานทดแทน ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาผลิตภัณฑ์บริษัท รวมถึงช่องทางในการขยายธุรกิจ และคาดจะช่วยสร้างรายได้ และผลตอบแทนที่ดีให้บริษัทในอนาคต

** ปั้นมาร์จิ้นลงพอร์ต

นายสุชาติ  กล่าวต่อว่า ลูกค้าเดิมที่ชะลอคำสั่งซื้อ (ออเดอร์) เริ่มกลับมาเจรจาเพื่อรอการลงทุนแล้วหลายราย สำหรับแผนการดำเนินธุรกิจช่วงต่อจากนี้บริษัทจะไม่เข้าไปในโครงการใหญ่ เพราะการแข่งขันค่อนข้างสูง และทำให้อัตรากำไร (มาร์จิ้น) น้อย แต่หากเจาะเฉพาะโครงการเล็กๆ จะช่วยให้การทำงานดีขึ้น และมีมาร์จิ้นดีกว่าโครงการใหญ่ อีกทั้งสามารถควบคุมประสิทธิภาพได้ดี

บริษัทมองตลาดในประเทศเริ่มฟื้นตัว และจะเน้นการขายสินค้าในประเทศมากขึ้น ส่วนตลาดต่างประเทศ ที่บริษัทขยายฐานออกไปอยู่แถบรอบบ้าน หรือใกล้เคียงประเทศไทย เช่น กัมพูชา เมียนมา เวียดนาม สปป.ลาว โดยการขยายตัวหลักยังเป็นกลุ่มเครื่องและอาหาร สำหรับสัดส่วนรายได้ยังมาจากในประเทศ 90% และต่างประเทศ 10%

รู้ทันเกม รู้ก่อนใคร ติดตาม "ทันหุ้น" ได้ทุกช่องทางเหล่านี้

YOUTUBE คลิก https://www.youtube.com/c/ThunhoonOfficial

FACEBOOK คลิก https://www.facebook.com/Thunhoonofficial/

Tiktok คลิก https://www.tiktok.com/@thunhoon_

TELEGRAM คลิก https://t.me/thunhoon_news

X คลิก https://twitter.com/thunhoon1

Instagram คลิก https://instagram.com/thunhoon.news?igshid=YTY2NzY3YTc=