#BAY #ทันหุ้น – BAY ตั้งเป้าสินเชื่อรายใหญ่และวาณิชธนกิจเติบโต 4-6% YoY มุ่งเจาะกลุ่มลูกค้าขนาดกลาง – ใหญ่ในภูมิภาคอาเซียนที่มีโอกาสเติบโตอาทิพลังงาน, อาหารและเครื่องดื่ม, เฮลท์แคร์ ชี้สินเชื่อรายใหญ่แข่งขันสูง ปรับแผนขยายงานด้านวานิชธนกิจ พร้อมความหวังรัฐเร่งเบิกจ่ายงบ จุดประกายเอกชนเริ่มลงทุนในไตรมาส 2/2567

นายประกอบ เพียรเจริญ ประธานคณะเจ้าหน้าที่ด้านลูกค้าธุรกิจขนาดใหญ่และวาณิชธนกิจ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) หรือ BAY ภาพรวมสินเชื่อขนาดใหญ่ช่วงครึ่งแรกของปี 2567 ยังมีแนวโน้มทรงตัวต่อเนื่องจากช่วงไตรมาส 4/2567 กดดันจากผู้ประกอบการส่วนหนึ่งชะลอแผนการลงทุนเพื่อรอทิศทางเศรษฐกิจ ทั้งปัจจัยภายนอกประเทศ – ในประเทศ, ทิศทางอัตราดอกเบี้ย, รวมถึงความชัดเจนของการเบิกจ่ายงบประมาณการลงทุนภาครัฐบาล ฯลฯ

*ธุรกิจสินเชื่อยังท้าทาย

"โจทย์การเติบโตของสินเชื่อที่ตั้งไว้ 4-6% ค่อนข้างท้าทายในสภาวการณ์เช่นนี้ ในช่วง 2 เดือนแรกของปี ธุรกิจรายใหญ่โดยมากจะยัง Wait & See ในหลายๆ เรื่อง ทั้งปัจจัยต่างประเทศ และในประเทศโดยเฉพาะทิศทางอัตราดอกเบี้ยที่จะมีผลต่อต้นทุนการเงินของผู้ประกอบการ ขณะเดียวกัน งบประมาณที่ยังไม่ออกมา ก็มีผลต่อกลุ่มธุรกิจโดยเฉพาะกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งก็หวังว่าในช่วง 3 ไตรมาสหลังของปีจะดีขึ้น”

ทั้งนี้ ธนาคารมีดีลธุรกรรมการเข้าซื้อกิจการ (M&A) ที่อยู่ระหว่างเจรจาต่อเนื่องจากงวดไตรมาส 4/2566 หลายดีล ส่วนใหญ่เป็นบริษัทขนาดกลาง – ขนาดใหญ่วงเงินเฉลี่ย 1 – 5 พันล้านบาทในตลาดอาเซียนที่ธนาคารมีความชำนาญ จึงตั้งเป้าพอร์ตสินเชื่อกลุ่มธุรกิจขนาดใหญ่ และวาณิชธนกิจทั้งปี 2567 เติบโต 4-6% จากยอดสินเชื่อคงค้างปี 2566 ที่ 4.99 แสนล้านบาท (YoY) โดยจะมุ่งขยายตลาดกลุ่มธุรกิจที่มีโอกาสเติบโต 

อาทิ เฮลท์ แคร์ (Healthcare), พลังงานทางเลือก – พลังงานทดแทน, พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ กลุ่มที่มีพันธมิตรร่วมทุนกับนักลงทุนต่างประเทศ, อุตสาหกรรมท่องเที่ยว และบริการ, ธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม (F&B)

สำหรับธุรกิจวาณิชธนกิจ ในการทำดีลการเสนอขายหุ้นสามัญต่อประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) ธนาคารจะคัดเลือกในบริษัทที่มีคุณภาพและจังหวะเวลาที่จะทำ ซึ่งหากเป็นบริษัทขนาดเล็กอาจจะมีการพูดคุยกันก่อน เนื่องจากปัจจุบันมีจำนวนบริษัทที่เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เป็นจำนวนมาก ทำให้ธนาคารจำเป็นต้องคัดเลือกบริษัทที่มีคุณภาพมากขึ้น

*สินเชื่อรายใหญ่แข่งสูง

“การแข่งขันด้านราคาสำหรับสินเชื่อรายใหญ่ก็จะสูงขึ้นเพราะเป็นกลุ่มที่ยังมีศักยภาพ หลายๆสถาบันการเงินอยากเข้ามา ทำให้รายได้ดอกเบี้ยอาจจะไม่ได้เติบโตมากแม้สินเชื่อจะโต ทำให้เราหันมาให้ความสำคัญกับธุรกิจวาณิชธนกิจที่จะเข้ามาหนุน รวมทั้งทำงานร่วมกับเครือข่าย MUFGทำให้สามารถให้บริการลูกค้าที่ต้องการขยายฐานการลงทุนไปยังต่างประเทศ, การเข้าซื้อกิจการ หรือต้องการขายกิจการได้อย่างครอบคลุม”

พร้อมกันนี้ ธนาคารยังบริการให้คำปรึกษา เพื่อประกอบการตัดสินใจดำเนินธุรกรรมสำคัญอีกมากมาย อาทิ 1.การสนับสนุนการทำธุรกรรม Index Transition ให้กับลูกค้าตามนโยบายของธนาคารแห่งประเทศไทยที่เปลี่ยนผ่าน Index ของอัตราดอกเบี้ยอ้างอิงจาก Thai Baht Interest Rate Fixing (THBFIX) เป็น Thai Overnight Repurchase Rate (THOR)

2.ความร่วมมือกับ MUFG ในการนำเสนอผลิตภัณฑ์ Structured Trade Finance เพื่อบริษัทในกลุ่มธุรกิจพลังงานและสาธารณูปโภค และกลุ่มธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม, รวมถึง 3.การนำเสนอบริการด้านดิจิทัล อาทิ บริการ Direct Debit API, Payment API, One Payment Application, Cash Link, Corporate CHQ และ Credit Product Program เพื่อช่วยยกระดับการบริหารจัดการ และช่วยอำนวยความสะดวกด้านการชำระเงินให้กับลูกค้า

โดยปีที่ผ่านมา BAY ได้เป็นส่วนหนึ่งในการสนับสนุนสินเชื่อที่เชื่อมโยงกับการดำเนินงานด้านความยั่งยืน (Sustainability-Linked Loan: SLL) ให้แก่ผู้ประกอบการต่างๆ ว่าจะเป็นบริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) จำนวน 11,500 ล้านบาท การเป็นผู้ให้คำปรึกษาทางด้านสินเชื่อสีเขียว (Green Loan) และเป็นผู้สนับสนุนทางการเงินแต่เพียงผู้เดียว ให้กับบริษัท เอสซีจี แพคเกจจิ้ง จำกัด (มหาชน) (SCGP) จำนวน 3,000 ล้านบาท เป็นต้น

ทั้งนี้ ทางกรุงศรี ได้ระดมทุนด้วยการออกตราสารหนี้เพื่ออนุรักษ์สิ่งแวดล้อม (Green Bond) และตราสารหนี้เพื่อสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรทางทะเล (Blue Bond) เพื่อสนับสนุนการบริหารจัดการด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และการบริหารจัดการทรัพยากรทางทะเล จำนวน 400 ล้านเหรียญสหรัฐ