บล.กสิกรฯ มุมมองเป็นกลาง หุ้นไฟแนนซ์ ชู 3 หุ้นเด่น MTC-THANI-SAK

#หุ้นกลุ่มไฟแนนซ์ #ทันหุ้น - บล.กสิกรไทยมีมุมมองเป็นกลางต่อหุ้นในกลุ่มไฟแนนซ์ คาด NIM จะถูกกดดันน้อยลงในปี 67-68 จากอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่คาดจะลดลงในครึ่งหลังปีนี้ คาดต้นทุนเงินกู้ของธนาคารจะลดลงในอัตราที่เร็วกว่าหุ้นกู้

บล.กสิกรไทยคาดว่าการเติบโตของกลุ่มสินเชื่อทะเบียนรถยนต์จะยังแข็งแกร่งเมื่อเทียบกับคู่แข่ง ปัจจัยเสี่ยงด้านหลักเกณฑ์ยังคง อยู่ในปีนี้จากหนี้ครัวเรือนที่สูงขึ้น

บล.กสิกรไทยมีมุมมองเป็นกลาง เลือก MTC, THANI และ SAK เป็นหุ้นเด่นใหม่ เรียงตามลำดับ บล.กสิกรไทยชอบสินเชื่อ 1) จำนำทะเบียน 2) รถบรรทุก 3) บัตรเครดิต 4) AMC

Investment Topics

กดดันน้อยลงจากต้นทุนดอกเบี้ยที่สูงขึ้น และ NIM ที่ลดลง บล.กสิกรไทยคาดว่ากลุ่มการเงินจะได้ประโยชน์หลักจากอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่คาดจะลดลงในครึ่งหลังปีนี้จากการปล่อยสินเชื่อที่มีอัตราดอกเบี้ยคงที่ แต่ต้นทุนเงินกู้ของธนาคารและหุ้นกู้ชุดใหม่ลดลง จากที่อัตราดอกเบี้ยนโยบายที่คาดจะลดลงในครึ่งหลังปีนี้ เราจึงคาดว่าต้นทุนดอกเบี้ยของกลุ่มจะค่อย ๆ ปรับลดลงในปี 2568 ขณะที่คาดต้นทุนเงินกู้ในปี 2567 จะยังเพิ่มขึ้นเนื่องจากการออกหุ้นกู้ชุดใหม่ จะมีต้นทุนสูงกว่าหุ้นกู้ที่จะครบกำหนดในปี 2567 เราคาดว่าต้นทุนดอกเบี้ยที่ลดลงทุก 25bps จะช่วยเพิ่มกำไรสุทธิทั้งปีของผู้ประกอบการกลุ่มการเงินขึ้นราว 1-9%ขึ้นอยู่กับระดับสัดส่วนหนี้สินต่อทุนและอัตรากำไร

คาดเงินกู้ธนาคารจะได้ประโยชน์มากกว่าจากอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ลดลง บล.กสิกรไทยเชื่อว่าการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายรอบนี้จะส่งผลให้ต้นทุนเงินกู้จากกลุ่มธนาคารลดลง แต่คาดต้นทุนหุ้นกู้จะได้รับประโยชน์ช้ากว่าจาก credit spread ที่เพิ่มขึ้นตามบรรยากาศเชิงลบจากหลายเหตุการณ์ที่ส่งผลลบต่อคุณภาพสินทรัพย์และความมั่นคงของกลุ่มการเงิน เชื่อว่าบริษัทในกลุ่มการเงินที่มีสัดส่วนเงินกู้ธนาคารในโครงสร้างทางการเงินสูง เช่น CHASE, HENG, AMANAH, SAK และ AEONTS จะเห็นการฟื้นตัวของอัตราส่วนต่างดอกเบี้ย (NIM) ที่เร็วขึ้นตั้งแต่ครึ่งหลังปีนี้เป็นต้นไปเมื่อเปรียบเทียบกับคู่แข่ง

คาดสินเชื่อทะเบียนรถยนต์เป็นหลักประกันจะเติบโตมากกว่ากลุ่มอื่น ๆ บล.กสิกรไทยเชื่อว่ากลุ่มสินเชื่อทะเบียนรถยนต์เป็นหลักประกันจะเป็นกลุ่มที่มีโอกาสเติบโตในปี 2567 ขณะที่คาดกลุ่มอื่น ๆ เช่น สินเชื่อบัตรเครดิตและส่วนบุคคลและเช่าซื้อคาดจะมีโอกาสเติบโตที่จำกัดจากกฎระเบียบที่เข้มงวดและความเสี่ยงด้านเครดิตที่มากขึ้น คาดว่าผู้เล่นกลุ่มสินเชื่อทะเบียนรถยนต์เป็นหลักประกันจะยังรักษาอัตราเติบโตของสินเชื่อไว้ที่กรอบ 15-20% ในปี 2567จากการขยายสาขาและการแทรกแซงจากกลุ่มเงินกู้นอกระบบ จากค่าใช้จ่ายสำรองหนี้สูญที่สูงในปี 2566 การเพิ่มสินเชื่อใหม่ในปี 2567 จะส่งผลให้กำไรและ ROE เติบโตดี ซึ่งทำให้กลุ่มสินเชื่อทะเบียนรถยนต์เป็นหลักประกันจะได้รับประโยชน์

คาดจะมีการออกมาตรการมากขึ้นเพื่อรับมือหนี้ครัวเรือนที่สูง บล.กสิกรไทยคาดว่ามาตรการปัจจุบันของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ที่รับมือกับระดับหนี้สินคงค้างและหลักเกณฑ์การให้สินเชื่ออย่างรับผิดชอบและเป็นธรรมจะส่งผลกระทบจำกัดต่อการดำเนินงานของผู้ประกอบการกลุ่มการเงิน อย่างไรก็ดี จากเป้าหมายของ ธปท. ที่ต้องการลดหนี้ครัวเรือนและกลุ่มหลักที่ทำให้นี้ครัวเรือนที่สูงขึ้นในช่วงหลายปีที่ผ่านมามาจากกลุ่มสินเชื่อเพื่อการอุปโภคบริโภค เราจึงคาดว่า ธปท. จะออกหลักเกณฑ์มากขึ้นเพื่อควบคุมสินเชื่อเพื่อการอุปโภคในปี 2567 ซึ่งคาดจะเกี่ยวข้องกับ LTV, การเพิ่มจำนวนสมาชิกของบริษัท ข้อมูลเครดิตแห่งชาติ จำกัด (NCB) และการขยายขอบเขตของกรอบความรับผิดชอบ

Valuation and Recommendation

บล.กสิกรไทยคงมุมมองเป็นกลางต่อกลุ่มการเงินและเลือก MTC, THANI และ SAK เป็นชุดหุ้นเด่นกลุ่มใหม่ของเรา กลุ่มย่อยที่เราชอบจากมากไปหาน้อย ได้แก่ 1) กลุ่มสินเชื่อทะเบียนรถยนต์เป็นหลักประกัน 2) กลุ่มสินเชื่อรถบรรทุก (เพิ่มมุมมองเป็น "กลาง" จาก "ลบ" 3) กลุ่มสินเชื่อบัตรเครดิตและส่วนบุคคลและ 4) กลุ่มบริหารจัดการสินทรัพย์