> Trendtalk > BCP

22 มีนาคม 2024 เวลา 06:30 น.

เจาะ BCP

#ทันหุ้น-ตลาดหุ้นไทยเมื่อวานปรับตัวเพิ่มขึ้นเกิดสัญญาณฟื้นตัวทางเทคนิคไปทดสอบแนวต้านสำคัญที่ 1,390 หลังจากปรับตัวลดลงเข้าใกล้แนวรับที่ 1,370 ถ้าสามารถทะลุผ่านขึ้นไปได้ แนวโน้มหลักยังมีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้นไปทดสอบแนวต้านที่ 1,415-1,420


สำหรับหุ้นที่น่าสนใจวันนี้ คือ BCP หรือ บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ดำเนินธุรกิจโรงกลั่นน้ำมันและการค้าน้ำมัน และธุรกิจการตลาด รวมถึงลงทุนในธุรกิจพลังงานไฟฟ้าสีเขียว ธุรกิจผลิตภัณฑ์ชีวภาพ ธุรกิจทรัพยากรธรรมชาติและพัฒนาธุรกิจใหม่


ผลประกอบการปี 66 มีกำไรสุทธิ 13,233 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 9.27 บาท เมื่อเทียบกับผลประกอบการปี 65 ที่มีกำไรสุทธิ 12,575 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 8.89 บาท


นายชัยวัฒน์  โควาวิสารัช  ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัทบางจาก และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า "กลุ่มบริษัทบางจากสร้างสถิติใหม่ในปี 2566 ด้วยผลการดำเนินงานสูงสุดนับตั้งแต่ก่อตั้งบริษัทมา ทุกกลุ่มธุรกิจมีการเติบโตและมีพัฒนาการที่สำคัญหลายด้านส่งผลให้บางจาก และบริษัทย่อยมีรายได้จากการขายและการให้บริการ 385,853 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 18 จากปี 2565 โดยมี EBITDA 41,680 ล้านบาท มีกำไรสำหรับงวดปี 2566 ส่วนที่เป็นของบริษัทใหญ่ 13,233 ล้านบาท คิดเป็นกำไรต่อหุ้น 9.27 บาท


ผลการดำเนินงานที่สำคัญในปี 2566 ของแต่ละกลุ่มธุรกิจ ดังนี้


กลุ่มธุรกิจโรงกลั่นและการค้าน้ำมัน มีอัตรากำลังการผลิตเฉลี่ยที่ 120,100 บาร์เรลต่อวันหรือคิดเป็นร้อยละ 100 ของกำลังการผลิต แม้มีการปิดหน่วยการผลิตบางส่วนสำหรับการปรับปรุงตามมาตรฐานยูโร 5 โดยมี EBITDA รวม 14,794 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 17 เทียบกับปี 2565 ปัจจัยหลักมาจากค่าการกลั่นพื้นฐานปรับลดลง จาก 14.33 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรลในปี 2565 มาเป็น 9.50 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล (แต่ยังคงสูงกว่าค่าการกลั่นสิงคโปร์ที่ 6.84 ดอลลาร์สหรัฐ ต่อบาร์เรล) เนื่องจาก Crack Spread ของทุกผลิตภัณฑ์น้ำมันปรับลดลงจากอุปสงค์น้ำมันในตลาดโลกที่ปรับลดลง ส่งผลให้มี Inventory Loss อย่างไรก็ดี ธุรกิจการค้าน้ำมันโดยบริษัท BCPT เติบโตอย่างมีนัยสำคัญจากการจัดหาน้ำมันดิบให้กับโรงกลั่นน้ำมัน 2 แห่ง และการขยายตลาดน้ำมันดิบแบบ Overseas Trading มีธุรกรรมการซื้อขายน้ำมันดิบและผลิตภัณฑ์น้ำมันรวมเพิ่มขึ้นร้อยละ 59 จากปีก่อน


กลุ่มธุรกิจการตลาด มี EBITDA รวม 3,157 ล้านบาทในปี 2566 เพิ่มขึ้นร้อยละ 9 จากปี 2565 ด้วยปริมาณการจำหน่ายน้ำมันรวมทุกช่องทางสูงเป็นประวัติการณ์ที่ 6,490 ล้านลิตร เพิ่มขึ้นร้อยละ 9 จากปีก่อนหน้า จากการฟื้นตัวของตลาดน้ำมันอากาศยานรวมถึงการขยายช่องทางการจำหน่ายกับคู่ค้ารายใหม่อย่างต่อเนื่อง โดย ณ สิ้นปี 2566 มีสถานีบริการรวม 2,219 แห่ง (สถานีบริการบางจาก 1,389 แห่งและสถานีบริการเครือข่ายที่เพิ่มขึ้นอีก 830 แห่งจากการเข้าซื้อหุ้นส่วนใหญ่ของ BSRC) สำหรับธุรกิจ Non-Oil ร้านกาแฟอินทนิลมีสาขา 1,020 สาขา และจุดชาร์จ EV กว่า 265 จุด


กลุ่มธุรกิจบางจาก ศรีราชา ภายใต้การดำเนินงานของ BSRC มี EBITDA รวม 997 ล้านบาทในปี 2566 (ระยะเวลา 4 เดือนในปี 2566) โรงกลั่นน้ำมันบางจาก ศรีราชามีอัตรากำลังการผลิตเฉลี่ยที่ 101,900 บาร์เรลต่อวัน แม้มีการปิดซ่อมบำรุง 40 วัน (ในเดือนก.ย.-ต.ค. 2566) ซึ่งภายหลังการซ่อมบำรุง กำลังการกลั่นเพิ่มขึ้นต่อเนื่องและสร้างสถิติสูงสุดของปีที่ 143,800 บาร์เรลต่อวันในเดือนธันวาคม 2566 ขณะที่ปริมาณการจำหน่ายผลิตภัณฑ์น้ำมันรวม 2,145 ล้านลิตร


ทั้งนี้ กลุ่มบริษัทบางจากมีกำลังการผลิตติดตั้งของโรงกลั่นน้ำมัน 2 แห่งรวมอยู่ที่ 294,000 บาร์เรลต่อวัน ซึ่งสูงที่สุดในประเทศ โดยกำลังการกลั่นที่เพิ่มขึ้นของโรงกลั่นน้ำมันบางจาก ศรีราชาจะช่วยเสริมความต้องการของธุรกิจการตลาดของบางจาก ที่ปัจจุบันโรงกลั่นน้ำมันบางจาก พระโขนง กลั่นได้ไม่เพียงพอต่อความต้องการของตลาด


กลุ่มธุรกิจไฟฟ้าพลังงานสะอาด ภายใต้การดำเนินงานโดยบริษัท บีซีพีจี จำกัด (มหาชน) มีการขยายการลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานก๊าซธรรมชาติในสหรัฐ ขยายการลงทุนในคลังน้ำมัน ท่าเทียบเรือ และท่อขนส่งน้ำมันในจังหวัดเพชรบุรี เพื่อสร้างรายได้จากทรัพย์สินต่อเนื่อง ซึ่งช่วยบรรเทาผลกระทบการสิ้นสุด Adder ของโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในประเทศ โดยในปี 2566 มี EBITDA รวม 4,219 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 34 จากปี 2565


กลุ่มธุรกิจทรัพยากรธรรมชาติและธุรกิจใหม่ มี EBITDA รวม 19,671 ล้านบาทในปี 2566 เพิ่มขึ้นร้อยละ 12 จากปี 2565 จากปริมาณจำหน่ายของ OKEA ที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 74 จากปีก่อนหน้า เป็นผลจากปริมาณจำหน่ายน้ำมันและก๊าซธรรมชาติเหลวที่เพิ่มขึ้น โดยหลักจากการรับรู้ผลการดำเนินงานเต็มปี 2566 จากแหล่งผลิตที่รับโอนกิจการมาจาก Wintershall Dea 


ทั้งนี้ OKEA ประสบความสำเร็จในการพัฒนาแหล่งปิโตรเลียม Hasselmus เสร็จสมบูรณ์ก่อนกำหนด และเมื่อวันที่ 29 ธันวาคม 2566 ได้รับโอนสิทธิ์ในแหล่งปิโตรเลียม Statfjord ในสัดส่วนร้อยละ 28 ทำให้กำลังการผลิตของ OKEA ในปี 2567 อยู่ที่ประมาณ 35,000-40,0000 บาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบต่อวัน (ปริมาณการผลิตเฉลี่ยในปี 2566 อยู่ที่ 24,590 บาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบต่อวัน) เพิ่มขึ้นร้อยละ 47 อย่างไรก็ตาม Statfjord มีปริมาณการผลิตและปิโตรเลียมสำรองน้อยกว่าที่คาดการณ์ไว้ ส่งผลให้เกิดการตั้งด้อยค่าจากการลงทุนตามสัดส่วนการถือหุ้นหลังหักภาษีจำนวน 619 ล้านโครนนอร์เวย์ (เทียบเท่า 2,040 ล้านบาท)


รู้ทันเกม รู้ก่อนใคร ติดตาม "ทันหุ้น" ที่นี่

FACEBOOK คลิก https://www.facebook.com/Thunhoonofficial/

YOUTUBE คลิก https://www.youtube.com/channel/UCYizTVGMealUUalT6VdUdNA

Tiktok คลิก https://www.tiktok.com/@thunhoon_

LINE@ คลิก https://lin.ee/uFms4n5

TELEGRAM คลิก https://t.me/thunhoon_news

Twitter คลิก https://twitter.com/thunhoon1

จาก
ถึง
Select...
หุ้น
Select...
หัวข้อ
Select...

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

อ่านต่อ

เว็บไซต์นี้มีการจัดเก็บคุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของคุณให้ดียิ่งขึ้น การใช้งานเว็บไซต์นี้เป็นการยอมรับข้อกำหนดและยินยอมให้เราจัดเก็บคุ้กกี้ตามนโยบายความเป็นส่วนตัวของเรา  อ่านเพิ่มเติม

X