SEAFCO-PYLON แนวโน้มดี โบรกปรับคำแนะนำเป็น “ซื้อ”

#SEAFCO #ทันหุ้น - บล.กสิกรไทยปรับคำแนะนำเชิงกลยุทธ์ให้เป็นไปในเชิงบวกมากขึ้นต่อกลุ่มธุรกิจตอกเสาเข็ม บล.กสิกรไทยคาดว่าจะเกิดความเชื่อมั่นเชิงบวกต่อกลุ่มธุรกิจนี้จากการอนุมัติงบประมาณปี 2567ในช่วงเดือน เม.ย. ขณะที่แรงกดดันด้านต้นทุนน่าจะลดลงเช่นกัน

บล.กสิกรไทยปรับคำแนะนำเชิงกลยุทธ์ต่อผู้รับเหมาตอกเสาเข็ม (SEAFCO และ PYLON)เนื่องจากทั้ง 2 บริษัทน่าจะชนะโครงการก่อสร้างหลังการประมูล

มุมมองเชิงบวกของกลุ่มธุรกิจ ผู้รับเหมาด้านโยธาน่าได้ประโยชน์จากการชนะการประมูลและต่อจากนั้นจะเป็นงานจ้างผู้รับเหมาภายนอกของผู้รับเหมาตอกเสาเข็ม

Investment Topics

สรุปกำไรไตรมาส 4/ 2566บริษัทรับเหมาก่อสร้างภายใต้การวิเคราะห์ของบล.กสิกรไทยทั้ง 5 แห่ง (CK PYLON SEAFCO STEC และ TEAMG) รายงานกำไรปกติรวมไตรมาส 4/2566 เพิ่มขึ้น 47.5% YoY จาก backlog ที่สูงขึ้นของ CK และผลการดำเนินงานที่ฟื้นตัวในกลุ่มธุรกิจตอกเสาเข็ม แต่ลดลง 58.8% QoQ หากมองในแง่ของกำไรปกติที่ไม่รวมเงินปันผลและส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุน บริษัทที่ทำผลงานได้ดีที่สุดคือ PYLON เนื่องจากมีการรับรู้รายได้ที่สูงกว่าคาด บริษัทที่ทำผลงานได้อ่อนแอที่สุดคือ CK เนื่องจากรายได้ของบริษัทฯ ถูกกดดันจากอัตรากำไรขั้นต้น (GPM) ที่ลดลงและค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร (SG&A) ที่สูงขึ้น

ผลกระทบคละกันในด้านต้นทุน ราคาน้ำมันลดลง 27.4% YoY จากความขัดแย้งระหว่างรัสเชียและยูเครนที่เริ่มผ่อนคลายลง รวมถึงการฟื้นตัวของอุปทานน้ำมันดิบ ราคาเหล็กในประเทศที่ชะลอตัวลง 29.3% จากระดับสูงสุดในรอบ 10 ปี ที่ 29,148 บาท/ตัน ในเดือน เม.ย.2565 เป็น 20,800 บาท /ตัน ในเดือน ก.พ.2567 (-11.2% YoY และทรงตัว MoM ขณะที่ราคาปูนซีเมนต์ทรงตัว แม้ว่าราคาวัตถุดิบจะยังคงอยู่ในระดับสูง แต่กลับลดลงอย่างมากจากระดับสูงสุดในปี 2565 และเราคาดว่าจะค่อยๆ ลดลงอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะส่งผลดีต่อการบริหารต้นทุนโดยรวมของบริษัทรับเหมา หากมองในแง่ลบ คณะกรรมการไตรภาคีจะพิจารณาขึ้นอัตราค่าแรงขั้นต่ำอีกรอบในเดือน เม.ย.2567 โดยมีแนโน้มว่าจะปรับขึ้นเป็น 400 บาทในบางจังหวัด ซึ่งน่าจะเป็นผลลบต่อความเชื่อมั่นในกลุ่มธุรกิจนี้ อย่างไรก็ตาม เราคาดว่าผลกระทบจะมีอยู่อย่างจำกัด เนื่องจากบริษัทรับเหมาส่วนใหญ่จ่ายค่าแรงให้กับคนงานมากกว่าอัตราค่าแรงขั้นต่ำอยู่แล้ว

แนวโน้ม บล.กสิกรไทยเชื่อว่าขณะนี้เป็นช่วงเวลาที่ดีในกรสะสมหุ้นกลุ่มบริษัทรับเหมา เนื่องจากเชื่อว่าการขาดโครงการโครงสร้างพื้นฐานของรัฐบาลน่าจะเริ่มผ่อนคลายลงหลังจากที่ฐบาลอนุมัติงบประมาณในเดือน เม.ย.2567เราคาดว่ารัฐบาลน่าจะเร่งเบิกจ่ายในช่วงไตรมาส 2-3/2567 ก่อนการพิจารณางบประมาณปี 2568 ในช่วงเดือน ต.ค. นอกจากนี้ เราคาดว่าภาคเอกชนน่าจะฟื้นตัวในครึ่งหลังของปี 2567 โดยได้รับแรงหนุนจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล กำลังซื้อจากต่างชาติมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น และการปรับลดอัตราดอกเบี้ยน่าจะกระตุ้นความสนใจของนักลงทุนในกลุ่มธุรกิจนี้

Valuation and Recommendation

มุมมองเชิงบวก บล.กสิกรไทยคงมุมมองที่เป็นบวกต่อกลุ่มบริการก่อสร้างจาก 1) การเบิกจ่ายงบประมาณของภาครัฐหลังการอนุมัติ พรบ.งบประมาณที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในเดือน พ.ค.2567 2) การส่งเสริมโครงกาโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ของรัฐบาลที่มีแนวโน้มจะช่วยฟื้นการใช้จ่ายด้านการก่อสร้างของภาคเอกชน และ 3) ขอบเขตการขยายตัวของอัตรากำไรจากราคาวัตถุดิบที่ลดลง ขณะที่เราเลือก CK เป็นหุ้นเด่นของเราในกลุ่มธุรกิจนี้

คำแนะนำเชิงกลยุทธ์ บล.กสิกรไทยปรับคำแนะนำเชิงกลยุทธ์ให้เป็นไปในเชิงบวกมากขึ้นต่อกลุ่มธุรกิจตอกเสาเข็ม เนื่องจากเราเชื่อว่าบริษัทรับเหมางานตอกเสาเข็มอย่าง SEAFCO และPYLON น่าจะเห็นกำไรเพิ่มขึ้นจากลักษณะของงานก่อสร้างในช่วงแรกๆ ดังนั้นเราจึงเพิ่มคำแนะนำสำหรับ SEAFCO และ PYLON จาก "ถือ" เป็น "ซื้อ" ด้วยราคาเป้าหมายสิ้นปี 2567 ที่ 3.24 และ 2.79 บาท ตามลำดับ

ปัจจัยเสี่ยงสำคัญ ได้แก่ ความล่าช้าในการประมูลโครงกาโครงสร้างพื้นฐานสาธารณะ การชะลอการลงทุนของภาคเอกชน และการปรับขึ้นค่าแรงที่เร็วกว่าคาด