> SET > BAM

22 มีนาคม 2024 เวลา 17:25 น.

BAM ทริส จัดเรทติ้งหุ้นกู้ชุดใหม่ วงเงินไม่เกิน 3 พันลบ.ที่ A-

#ทริส#ทันหุ้น-BAM ทริส จัดเรทติ้งหุ้นกู้ชุดใหม่ วงเงินไม่เกิน 3 พันลบ. -หุ้นกู้สำรองขาย 3 พันลบ. ครบกำหนดไถ่ถอน 10ปี  ที่ระดับ A- หวังนำเงินขายไปชำระคืนหนี้ -ใช้ในการดำเนินกิจการ -ขยายธุรกิจ


ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันชุดปัจจุบันของ บริษัท บริหารสินทรัพย์ กรุงเทพพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) ที่ระดับ “A-” ด้วยแนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” พร้อมทั้งจัดอันดับเครดิตหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันชุดใหม่ในวงเงิน ไม่เกิน 3 พันล้านบาท และ หุ้นกู้สำรองเพื่อเสนอขายเพิ่มเติม (Over-allotment Option) จำนวน 3 พันล้านบาท ไถ่ถอนภายใน 10 ปีของบริษัทที่ระดับ “A-” ด้วยเช่นกัน โดยบริษัทจะนำเงินที่ได้ จากการออกหุ้นกู้ชุดใหม่ไปชำระคืนหนี้ รวมทั้งใช้ในการดำเนินกิจการ และขยายธุรกิจ


อันดับเครดิตสะท้อนถึงประสบการณ์ที่ยาวนานและความเป็นผู้นำในตลาดบริหารสินทรัพย์ด้อย คุณภาพของบริษัท นอกจากนี้ อันดับเครดิตยังสะท้อนถึงระดับการก่อหนี้ในระดับปานกลางของ บริษัท รวมถึงการมีแหล่งเงินทุนที่หลากหลายอีกด้วย 


ในขณะเดียวกัน อันดับเครดิตก็ถูกลดทอนบางส่วนจากปัจจัยเสี่ยงต่างๆ ได้แก่ ความเสี่ยงใน ระดับมหภาค ความไม่แน่นอนของกระแสเงินสด ตลอดจนความเสี่ยงสำคัญๆ ที่เกี่ยวข้องกับการ ลงทุนในสินทรัพย์ภาคอสังหาริมทรัพย์ เช่น ความเสี่ยงในด้านการกำหนดราคาซื้อสินทรัพย์และการ กระจุกตัวของสินทรัพย์ซึ่งความเสี่ยงเหล่านี้อาจส่งผลกระทบต่อผลการดำเนินงานทางการเงินของ บริษัทได้หากไม่มีการบริหารจัดการที่ดี อย่างไรก็ตาม ทริสเรทติ้งมองว่าความเชี่ยวชาญของบริษัทใน การตั้งราคาซื้อขายสินทรัพย์ ตลอดจนกลยุทธ์ในการเลือกลงทุน รวมถึงความหลากหลายของ ประเภทและสถานที่ตั้งของอสังหาริมทรัพย์ก็เป็นปัจจัยที่ช่วยลดทอนความเสี่ยงดังกล่าวลงได้ใน ระดับหนึ่ง

ประเด็นสำคัญที่กำหนดอันดับเครดิต

แรงกดดันในการทำกำไรในปี 2567 บรรเทาลงจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ ในปี 2566 บริษัทมีผลประกอบการต่ำกว่าที่ทริสเรทติ้งคาดการณ์ไว้เนื่องจากความท้าทายที่สำคัญ จากสถานการณ์เศรษฐกิจที่อ่อนแอ ลูกหนี้ที่รับภาระหนักอยู่แล้วได้รับผลกระทบมากยิ่งขึ้นจาก สภาวะเศรษฐกิจที่อ่อนแอ อัตราดอกเบี้ยที่ปรับเพิ่มขึ้น และต้นทุนค่าครองชีพที่สูงขึ้น ปัจจัยเหล่านี้ ทำให้ความสามารถในการชำระหนี้ลดลงและความสามารถในการซื้อของผู้ที่จะซื้อสินทรัพย์ลดลง ด้วยเช่นกัน ส่งผลทำให้กำไรสุทธิและผลเรียกเก็บของบริษัทปรับตัวลดลงอย่างมาก บริษัทรายงาน กำไรสุทธิที่ 1.5 พันล้านบาทในปี 2566 ลดลง 44% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า อัตราส่วนผลตอบแทน ต่อสินทรัพย์รวมถัวเฉลี่ยลดลงเป็น 1.14% ในปี 2566 จาก 2.11% ในปี 2565


มองไปข้างหน้าในปี 2567 ทริสเรทติ้งคาดว่าบริษัทจะมีผลประกอบการที่ดีขึ้นจากเศรษฐกิจที่ ปรับตัวดีขึ้น และดอกเบี้ยที่ปรับเป็นขาลง โดยคาดการณ์ว่าผลเรียกเก็บอาจดีขึ้น แต่ความสามารถ ในการทำกำไรอาจถูกกดดันจากต้นทุนทางการเงินที่เพิ่มขึ้นเนื่องจากการรีไฟแนนซ์หนี้ที่หมดอายุใน อัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้น ทริสเรทติ้งยังคาดว่าบริษัทจะมีกำไรสุทธิอยู่ที่ประมาณ 2.5-3.0 พันล้านบาท ในปี 2567-2569


คาดว่าผลเรียกเก็บจะฟื้นตัวดีขึ้น รายได้ของบริษัทมาจากเงินรับหรือผลเรียกเก็บจากสองแหล่ง คือ การบริหารเงินให้สินเชื่อจากการซื้อลูกหนี้ (สินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ -- NPL) และ สินทรัพย์รอการขาย (สินทรัพย์ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ – NPA) 


ในปี 2566 ผลเรียกเก็บจาก NPL ลดลง 16.4% เมื่อเทียบกับปีที่แล้วโดยมีเหตุผลหลักมาจากความสามารถในการชำระหนี้ของลูกหนี้อ่อนตัวลงจากหนี้ ครัวเรือนที่ปรับตัวสูงขึ้น เศรษฐกิจที่ชะลอตัว และอัตราดอกเบี้ยที่ปรับเพิ่มขึ้น

ในขณะเดียวกัน เงินรับจากกรมบังคับคดีก็ลดลงเช่นกันเมื่อเทียบกับปี 2565 


เงินรับจากธุรกิจบริหารจัดการ NPA อยู่ที่ 6.7 พันล้านบาทในปี 2566 ซึ่งรวมไปถึงการขายทรัพย์ขาด และการขายแบบผ่อนชำระ เงินรับจาก NPA อยู่ในปริมาณเท่า ๆ กับปี 2565 และต่ำกว่าเป้าที่ทริสเรทติ้งคาดการณ์ไว้ ภาวะเศรษฐกิจที่อ่อนแอและอัตราดอกเบี้ยที่ปรับเพิ่มขึ้นในปี 2566 ทำให้ สถาบันการเงินเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อมากยิ่งขึ้น ส่งผลทำให้การขาย NPA ชะลอตัวลง 


ในช่วง 2-3 ปีข้างหน้า ทริสเรทติ้งคาดว่าผลเรียกเก็บของบริษัทจะปรับตัวดีขึ้น โดยมาจากแผนกลยุทธ์ทางการตลาดจากการขาย NPA เชิงรุกมาก ยิ่งขึ้น และการมุ่งเน้นการทำสัญญาปรับโครงสร้างให้เหมาะสมกับสถานะของลูกหนี้ รวมไปถึงการเร่งยอดการปิดการขายกับลูกค้าเพื่อเร่งยอดผลเรียก เก็บของ NPL และการยึดครอง NPA ในปี 2567 ทริสเรทติ้งคาดว่าผลประกอบการของบริษัทในปี 2568-2569 จะค่อย ๆ ปรับตัวดีขึ้นจากภาวะ เศรษฐกิจที่คาดว่าจะค่อย ๆ ดีขึ้นเช่นกัน  อย่างไรก็ตาม หากบริษัทใช้เวลายาวนานในการฟื้นตัวก็อาจส่งผลกระทบต่ออันดับเครดิตได้เช่นกัน


 สถานะทางการตลาดที่แข็งแรง 


ทริสเรทติ้งประเมินสถานะทางการตลาดของบริษัทที่ระดับ “แข็งแรง” ซึ่งสะท้อนถึงสถานะผู้นำทางการตลาดในธุรกิจบริหารสินทรัพย์ด้อยคุณภาพใน ประเทศไทยที่มีส่วนแบ่งทางการตลาดสูงสุดคิดเป็น 49% ในปี 2566 ของขนาดสินทรัพย์เมื่อเทียบกับบริษัทบริหารสินทรัพย์ทั้งหมดในประเทศไทย สินทรัพย์รวมของบริษัทปรับเพิ่มขึ้น 3.4% เป็น 1.37 แสนล้านบาท ณ สิ้นปี 2566 โดยสินทรัพย์ที่บริษัทบริหารประกอบไปด้วยเงินให้สินเชื่อจากการ ซื้อลูกหนี้ (NPL) จำนวน 8.66 หมื่นล้านบาท สินทรัพย์รอการขาย (NPA) จำนวน 4.34 หมื่นล้านบาท และลูกหนี้ขายผ่อนชำระจำนวน 2.2 พันล้านบาท 


สถานะทางการตลาดที่แข็งแรงมาจากประสบการณ์อันยาวนานมากกว่า 20 ปี ในธุรกิจบริหารสินทรัพย์ด้อยคุณภาพ ประสบการณ์ที่สั่งสมมาและ ฐานข้อมูลที่พร้อมกอปรกับความสัมพันธ์ที่มีมาอย่างยาวนานกับสถาบันการเงินเป็นปัจจัยสำคัญช่วยส่งเสริมการเลือกสินทรัพย์และประเมินราคา สินทรัพย์ที่เหมาะสม ยิ่งไปกว่านั้น ความสัมพันธ์อันยาวนานกับกรมบังคับคดีก็เป็นอีกหนึ่งความได้เปรียบทางการแข่งขันของบริษัทที่ได้ช่วยตอกย้ำ สถานะผู้นำในอุตสาหกรรม 


ระดับการก่อหนี้ในปัจจุบันยังสนับสนุนอันดับเครดิต 


บริษัทมีระดับการก่อหนี้วัดจากอัตราส่วนหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้นเพิ่มขึ้นเป็น 2.15 เท่า ณ สิ้นปี 2566 จาก 2.04 เท่า ณ สิ้นปี 2565 การปรับเพิ่มขึ้น นี้มาจากการซื้อหนี้เข้ามามากกว่าค่าเฉลี่ยในปี 2566 โดยใช้เงินทั้งหมดจำนวน 1.44 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 73.4% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า และการ ซื้อหนี้ที่ระดับประมาณ 1 หมื่นล้านบาทหรือน้อยกว่าในอดีต การปรับเพิ่มขึ้นของการซื้อมาจากการเพิ่มขึ้นของสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ของทาง ธนาคาร บริษัทได้ประมูลหนี้ชนะเกือบครึ่งหนึ่งในปี 2566 ซึ่งมีราคาที่ค่อนข้างดีโดยเห็นได้จากอัตราของราคาประเมินของทรัพย์ต่อเงินลงทุนเฉลี่ยอยู่ ที่ 43% เมื่อเทียบกับ 52% ในปี 2564-2565 


แม้ว่าสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้น่าจะยังคงอยู่ในระดับสูงต่อไปในปี 2567 เนื่องจากโอกาสในการไหลลงต่อของสินเชื่อชั้นที่ 2 (Special Mention Loan –- Stage 2 Loan) และสินเชื่อภายใต้การปรับโครงสร้างหนี้ บริษัทมีกลยุทธ์การซื้อหนี้ที่เฉพาะเจาะจงมากยิ่งขึ้น จากสมมติฐานพื้นฐานของทริส เรทติ้งที่ตั้งเป้าหมายการซื้ออยู่ที่ประมาณ 1 หมื่นล้านบาทต่อปี และมีผลเรียกเก็บประมาณ 1.7–1.9 หมื่นล้านบาทต่อปีในปี 2567-2569 อัตราส่วน หนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้นของบริษัทจะทรงตัวอยู่ในระดับปัจจุบัน โดยถ้าบริษัทมีการซื้อหนี้สูงกว่าที่ทริสเรทติ้งคาดการณ์ไว้ อัตราส่วนหนี้สินต่อส่วน ของผู้ถือหุ้นของบริษัทอาจปรับตัวเพิ่มขึ้น โดยหากเพิ่มขึ้นสูงกว่า 2.75 เท่าก็อาจส่งผลต่ออันดับเครดิตได้


แหล่งเงินทุนที่หลากหลายช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นทางการเงิน

สถานะเงินทุนของบริษัทจัดว่าอยู่ในระดับที่เพียงพอจากการที่บริษัทมีแหล่งเงินทุนที่มั่นคงจากสถาบันการเงินต่าง ๆ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นธนาคารที่ จำหน่ายลูกหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ให้แก่บริษัท ซึ่งทริสเรทติ้งมองว่าเกิดประโยชน์ร่วมกัน นอกจากนี้ บริษัทยังสามารถระดมทุนในตลาดทุนได้ในยามที่ ต้องการเนื่องจากบริษัทมีฐานะเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และมีการออกหุ้นกู้อย่างสม่ำเสมอ


ณ สิ้นปี 2566 บริษัทมีเงินกู้รวมทั้งสิ้นจำนวน 9.05 หมื่นล้านบาทโดยเงินกู้ระยะยาวมีสัดส่วนประมาณ 74% ของภาระหนี้ทั้งหมด ในจำนวนนี้เป็น เงินกู้ระยะยาวจากสถาบันการเงินจำนวน 8.5 พันล้านบาท และหุ้นกู้ระยะยาวอีกจำนวน 7.35 หมื่นล้านบาท 


การจ่ายคืนหุ้นกู้ของบริษัทแม้ว่าจะมีขนาดค่อนข้างใหญ่แต่ก็เชื่อว่าบริษัทจะสามารถบริหารจัดการชำระคืนหนี้หุ้นกู้ได้เนื่องจากหุ้นกู้มีการกระจายตัว ของวันครบกำหนดไถ่ถอนในช่วงเวลาหลายปี โดยบริษัทมีหุ้นกู้ครบกำหนด 1.18 หมื่นล้านบาทในปี 2567 ซึ่งจะรีไฟแนนซ์ด้วยการออกหุ้นกู้ชุดใหม่ ณ เดือนธันวาคม 2566 บริษัทมีวงเงินกับสถาบันการเงินทั้งหมด 3.47 หมื่นล้านบาทโดยมีวงเงินคงค้างอยู่ที่ 1.55 หมื่นล้านบาท โดยในจำนวนนี้มีวงเงิน จำนวน 8.9 พันล้านบาทที่ยังไม่ได้เบิกใช้และสามารถนำมาใช้ในเวลาที่ต้องการสภาพคล่องได้


รู้ทันเกม รู้ก่อนใคร ติดตาม "ทันหุ้น" ที่นี่

FACEBOOK คลิก https://www.facebook.com/Thunhoonofficial/

YOUTUBE คลิก https://www.youtube.com/channel/UCYizTVGMealUUalT6VdUdNA

Tiktok คลิก https://www.tiktok.com/@thunhoon_

LINE@ คลิก https://lin.ee/uFms4n5

TELEGRAM คลิก https://t.me/thunhoon_news

Twitter คลิก https://twitter.com/thunhoon1



จาก
ถึง
Select...
หุ้น
Select...
หัวข้อ
Select...

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

อ่านต่อ

เว็บไซต์นี้มีการจัดเก็บคุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของคุณให้ดียิ่งขึ้น การใช้งานเว็บไซต์นี้เป็นการยอมรับข้อกำหนดและยินยอมให้เราจัดเก็บคุ้กกี้ตามนโยบายความเป็นส่วนตัวของเรา  อ่านเพิ่มเติม

X