โบรกมอง รบ.ดึง FDI 5.58 แสนลบ. เลือก WHA-AMATA เด่น

#WHA #ทันหุ้น - บล.กสิกรไทยคงมุมมองเชิงบวก WHA และ AMATA เลือกเป็นหุ้นเด่น โดยรัฐบาลไทยคาด FDI (Foreign Direct Investment) ไหลเข้าไทย 5.58 แสนลบ. จากโรดโชว์ช่วง 6เดือนล่าสุดใน 14 ประเทศ ซึ่งได้พบกับบริษัทข้ามชาติรายใหญ่ 60 แห่ง

ดิจิทัล ยานยนต์ และอิเล็กทรอนิกส์เป็นภาคธุรกิจที่น่าสนใจในมุมนี้ รัฐบาลคาดว่าผู้ผลิตแบตเตอรี่และดาต้าเซ็นเตอร์ขนาดใหญ่บางรายจะเริ่มลงทุนในไทยในปี 2567

Investment Topics

ความคาดหวังเชิงบวกจากโรดโชว์รอบล่าสุด ม.ล. ชโยทิต กฤดากร ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีและผู้แทนการค้าไทย และคุณนฤตฆ์ เทอดสถีรศักดิ์ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) แถลงข่าวเมื่อวานนี้(26 มี.ค.) สำหรับการโรดโชว์ร่วมกับนายกรัฐมนตรีในช่วง 6 เดือนล่าสุด ไปยัง 14 ประเทศ ซึ่งมีโอกาสได้พบบริษัทข้ามชาติรายใหญ่ 60 ราย โดยทางภาครัฐคาดว่าการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) มาประเทศไทยจากนักลงทุนในกลุ่มนี้จะมีมูลค่า 5.58 แสนลบ.จากการประชุมรอบนี้ ความเคลื่อนไหวเหล่านี้จะช่วยยืนยันความน่าดึงดูดของไทยในมุมมองของนักลงทุนต่างชาติ หลังจากที่ยอดขอรับส่งเสริมการลงทุนของบีโอไอในปี 2566 เพิ่มขึ้นอย่างแข็งแกร่งถึง 27.6% เป็น 8.48 แสนลบ. จาก FDI ที่มีศักยภาพนี้ รัฐบาลคาดว่า 2.5 แสนลบ.จะมาจากอุตสาหกรรมดิจิทัล 2.1 แสนลบ.จากอุตสาหกรรมยานยนต์และชิ้นส่วน, 9.5หมื่นลบ.จากอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์และเซมิคอนดักเตอร์ และ 3 พันลบ.จากอุตสาหกรรมอื่น ๆ

ต้องดำเนินการเพิ่มเติมเพื่อสนับสนุนเป้าหมายนี้ แม้ว่าการโรดโชว์ครั้งล่าสุดจะสร้างโอกาสเชิงบวกต่อการลงทุน แต่รัฐบาลก็จำเป็นต้องดำเนินการด้านอื่นๆอีกมากเพื่อดึงดูดนักลงทุน นอกเหนือจากมาตรการฟรีวีซ่าได้ข้อสรุปแล้วและอยู่ระหว่างการเจรจากับจีน คาซัคสถาน และอินเดีย ประเทศไทยจะต้องสามารถนำเสนอพลังงานสีเขียวแก่นักลงทุนได้ ตลอดจนสามารถให้สิทธิประโยชน์ต่างๆที่จูงใจ และสามารถสร้างผลตอบแทนที่น่าสนใจให้กับนักลงทุน

ทั้งนี้ โครงสร้างพื้นฐานที่มีมาตรฐานสูงและทรัพยากรมนุษย์ที่สามารถรองรับ 4อุตสาหกรรมเป้าหมาย ได้แก่ รถยนต์พลังงานไฟฟ้า (EV), อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ และเซมิคอนดักเตอร์, ดาต้าเซ็นเตอร์ และบริการ Cloud ถือเป็นสิ่งที่รัฐบาลให้ความสำคัญ

รัฐบาลคาดว่าผู้ผลิตแบตเตอรี่รายใหญ่อย่างน้อย 2 ราย และนักลงทุนในดาต้าเซ็นเตอร์ระดับไฮเปอร์สเกล 2 ราย จะเข้ามาลงทุนในไทยในปี 2567 ขณะที่คาดบริษัทข้ามชาติอย่างน้อย 5 แห่งจะตั้งสำนักงานใหญ่ในประเทศไทยภายในสิ้นปี 2567

Valuation and Recommendation

บล.กสิกรไทยยังคงมุมมองเชิงบวกต่อกลุ่มนิคมอุตสาหกรรม และยังคงเลือก WHA และ AMATA เป็นหุ้นเด่น นอกเหนือจากที่บริษัทพัฒนานิคมฯชั้นนำเช่น WHA และ AMATA ให้ข้อมูลว่าพวกเขายังคงเห็นอุปสงค์จำนวนมากต่อที่ดิน IE ของตนทั้งในประเทศไทยและเวียดนาม

ความคืบหน้าเชิงบวกล่าสุดที่ประกาศโดยรัฐบาลจะเพิ่มฐานที่มั่นคงให้กับแนวโน้มการเติบโตบนสมมติฐานว่าต้นทุนที่ดิน IE คิดเป็น 5-10% ของมูลค่าการลงทุนทั้งหมด และราคาที่ดิน IEเฉลี่ยอยู่ที่ 5 ลบ./ไร่ FDI ที่คาดว่าจะมีมูลค่า 5.58 แสนลบ.จะทำให้มีอุปสงค์ที่ดิน IE ใหม่จำนวน 5,600-11,200 ไร่ (2,800-5,600 ไร่/ โดยสมมติว่าการลงทุนเหล่านี้จะเกิดขึ้นในสองปี ) ซึ่งถือว่ามีนัยสำคัญเมื่อเทียบกับเป้าหมายการขายที่ดินในปี 2567 ของ WHA จำนวน 2,250 ไร่ และ 1,800 ไร่ สำหรับ AMATA